ช่วยลดภาระประชาชน เศรษฐาดึงเพื่อนบ้านบูมท่องเที่ยวภูมิภาค ดันวาระด่วนเข้าสภา พรบ.สมรสเท่าเทียม
ครม.จัดชุดใหญ่ของขวัญปีใหม่ ตรึงค่าไฟฟ้า-ดีเซล-แก๊สหุงต้มช่วยลดภาระประชาชน ราคา ค่าไฟคงอยู่ที่หน่วยละ 3.99 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง ผู้ใช้ไฟเกิน 300 หน่วยต่อเดือน จ่ายไม่เกิน 4.20 บาท ดีเซลลิตรละ 30 บาท ก๊าซแอลพีจีถังละ 423 บาท เห็นชอบชงร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เป็นวาระด่วนเข้าสภา 21 ธ.ค. นายกฯ สั่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมกัมพูชา-ลาว-เวียดนาม ปลุกเที่ยวไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน จี้ททท.โหมโฆษณาเที่ยวไทย ‘ภูมิธรรม’ ยัน 25 ธ.ค. ได้ข้อสรุปเรื่องประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ‘กฤษฎีกา’ ตอบกลับกระทรวงการคลังต้นปี 67 ปมดิจิทัลวอลเล็ต วุฒิสภาเห็นชอบ ‘แมนรัตน์’ นั่งกรรมการป.ป.ช.คนใหม่ ‘ป้อม’ คัมแบ๊ก พปชร.สัญจรหลังปีใหม่
ไทยเจ้าภาพประชุม-รุกเที่ยวภูมิภาค
เวลา 11.30 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เผยหลังเป็นประธานการประชุมครม.ว่า มีการแจ้งให้ครม. ทราบหลังไปญี่ปุ่น โดยเฉพาะสั่งการให้จัดการเรื่องขายและส่งมอบข้าวให้อินโดนีเซีย ซึ่ง 18 ธ.ค. อินโดฯ มีจดหมายออกมาทันทีว่าต้องการซื้อข้าวจากไทย 2,000,000 ตัน ภายในสิ้นปีหน้าซึ่งถือเป็นข่าวดี
และได้สั่งการให้กระทรวงการ ต่างประเทศ เร่งรัดสร้างสถานกงสุลที่เมืองเสียมเรียบ กัมพูชา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ขณะที่ทางกัมพูชาตกลงเรียบร้อย ยังสั่งการให้ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นเจ้าภาพใหญ่เชิญประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจากประเทศกัมพูชา ลาว เวียดนาม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ โดยเราเป็นเจ้าภาพหลัก และตนจะเจอดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ จะถามด้วยว่ามาเลเซียสนใจหรือไม่
เร่งมาตรการอำนวยความสะดวก
พร้อมสั่งการ รมว.การท่องเที่ยวให้จัดการทำงานหลายๆ เรื่อง ทั้งการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแลการตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยวให้ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และสั่งการให้มหาดไทย กทม.ให้ความสำคัญดูแลเรื่องความสะอาด ห้องน้ำให้เพียงพอกับนักท่องเที่ยว และสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับสำนักงานประกอบธุรกิจประกัน ดูแลทำประกันภัยให้นักท่องเที่ยวทุกคน ครอบคลุมการเสียชีวิต ชดเชยไม่เกิน 1 ล้านบาท กรณีอุบัติเหตุชดเชยตามจริงแต่ไม่เกิน 5 แสนบาท รวมทั้งหารือกับกระทรวงสาธารณสุขจัดระเบียบด้านสาธารณสุขและประกันสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยว หากมีความจำเป็นต้องใช้งบกลางให้เร่งเสนอตามขั้นตอนตามความต้องการ
นอกจากนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เรียกประชุมและมอบนโยบายให้หน่วยงานของ ททท. ทั้ง 30 แห่งทั่วประเทศทำงานเชิงรุก ให้ความรู้ โฆษณาประเทศไทยดีอย่างไร ควรมาท่องเที่ยวอย่างไร สั่งการให้กระทรวงคมนาคมดูพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่เคยคุยจะทำเป็นศูนย์แสดงสินค้าโอท็อป เพราะไปดูที่ญี่ปุ่นได้ไอเดียมาเยอะ จะได้เร่งจัดการกันไป
ตรึงราคาดีเซล-ค่าไฟฟ้า
ครม.ให้ความเห็นชอบการพักหนี้ เอสเอ็มอี การช่วยเหลือหนี้นอกระบบ ลูกหนี้รายย่อยที่เกิดจากวิกฤตโควิดที่ผ่านมา และได้พูดถึงการสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวีตามมาตรการอีวี ระยะ 3.5 และขยายสิทธิประโยชน์ด้านสรรพสามิตให้รถ อีโคคาร์ หรือรถที่ยังเป็นสันดาปอยู่ และยังได้เห็นชอบให้แก้ไขเรื่อง PM 2.5 โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม วางแผนร่วมกับหน่วย งานอื่นๆ และจัดตั้งตัว KPI หรือตัวชี้วัดเพื่อให้ได้วัดผลอย่างจริงจัง เพราะจะเข้าสู่ฤดูที่จะเกิด PM 2.5 แล้ว
ส่วนการลดค่าใช้จ่ายเรื่องราคาพลังงานจะพยายามตรึงราคาดีเซลไว้ที่ 30 บาท ต่อลิตร ขณะที่ค่าไฟฟ้าจะไม่เกินหน่วยละ 4.20 บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ แต่ต้องขอดูราคาค่าก๊าซอีกทีว่าจะลงไปเท่าไร ซึ่งจะยังไม่ประกาศแต่ยืนยันจะให้ไม่เกิน 4.20 บาทแน่นอน ซึ่งน่าจะเป็นข่าวดีที่ราคาน่าจะต่ำกว่านั้น ขอให้ฟังประกาศอีกครั้ง เมื่อถามว่าการประชุมอาเซียน-ญี่ปุน ที่ประเทศญี่ปุน ได้พบกับนายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ได้พูดคุยเรื่องพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้พูดคุยกันว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร แต่ขอให้มีรายละเอียดที่ดีที่พร้อมก่อนแล้วจะแถลงอีกทีหนึ่ง
ค่าไฟไม่ขยับยังเป็น 3.99 บาท/หน่วย
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน เผยว่า ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการลดค่าครองชีพเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ด้วยการตรึงค่าไฟฟ้างวดใหม่ ม.ค. ถึง เม.ย. 2567 สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟน้อยกว่า 300 หน่วย/เดือน จำนวน 17 ล้านครัวเรือน ตรึงราคา ค่าไฟฟ้าไว้ที่ 3.99 บาท/หน่วย โดยใช้งบกลางประมาณ 1,950 ล้านบาท ส่วนกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วย/เดือน ครม.ปรับลดจากเดิมอยู่ที่ 4.68 บาท/หน่วย เป็นไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย ส่วนตัวเลขที่ชัดเจนว่าจะเป็นเท่าไร ขอให้รอ 1 ม.ค. 2567 ว่าราคาก๊าซในตลาดโลกจะลดลงเท่าไร ถ้าประกาศตอนนี้แล้วราคาลงมา อีกจะสับสน แต่จะไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วยแน่
ทั้งนี้ ครม.มีมติให้ปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเมื่อ 13 ธ.ค. 2566 และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กฟผ.รับภาระเงินคงค้างสะสม (AF) สำหรับงวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2567 แทนประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ไปพลางก่อน ส่วนบริษัทปตท. จะมีการทบทวนสมมติฐานปริมาณและราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และจะนำส่วนลดค่าก๊าซธรรมชาติ 4,300 ล้านบาท จากการขาดส่งก๊าซธรรมชาติใน อ่าวไทยของผู้ผลิตช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 มาช่วยลดราคาก๊าซธรรมชาติรอบนี้ด้วย จากมาตรการดังกล่าวทั้งหมด ทำให้ค่าไฟฟ้างวด ม.ค.เม.ย. 2567 อยู่ที่ไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย
ตรึงดีเซล30บ.-แอลพีจี423บ.
ครม.ยังเห็นชอบการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ตรึงราคาก๊าซแอลพีจี 423 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค. 2567 ส่วนราคาน้ำมันเบนซินยังไม่สิ้นสุดมาตรการ โดยลดราคาตั้งแต่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา มีผลต่อเนื่องไปจนถึง 31 ม.ค. 2567 แต่เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาแล้วกระทรวงพลังงานจะพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นเท่านั้น ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการรื้อกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ให้มีความทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์ ประชาชนจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุด
กฤษฎีกาตอบดิจิทัล1หมื่นต้นปี 67
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งถึงคำถามเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ได้รับคำตอบหรือยังว่า ได้พูดคุยกับทางกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว จะส่งกลับมาช่วงต้นปี 2567 ว่าทำได้ไม่ได้
เมื่อถามว่าได้คำตอบต้นปีหน้าโครงการล่าช้าออกไปกว่ากรอบ พ.ค.67 หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่ๆ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่เราไม่ได้เร่งรัด เพราะต้องให้กฤษฎีกาพิจารณา อย่างละเอียดรอบคอบ เรื่องนี้ไม่ได้พูดกันในครม. แต่เป็นการพูดคุยส่วนตัว ยืนยันโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังอยู่ในกรอบเวลาเดิมคือช่วงพ.ค.2567
นายกฯพักร้อนไม่ใช่เรื่องแปลก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การลาพักร้อนของนายเศรษฐา ระหว่างเวลา 13.00 น. 19 ธ.ค. – 22 ธ.ค.66 ไปพักผ่อนที่ภูเก็ต ว่า การลาพักร้อนถือเป็นเรื่องธรรมดา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็ลาพักร้อนได้ ลูกชายท่านกลับมาจากสหรัฐและมาเจอกับนายกฯที่ญี่ปุ่น เมื่อกลับมาเมืองไทยก็จะมาเจอกันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก การลาพักร้อน 2-3 วัน เป็นเรื่องธรรมดามาก แล้วนายกฯสามารถทำงานโดยที่ไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบ รวมถึงยังสามารถมอบหมายให้คนอื่นรักษาการแทนได้ อีกทั้งกรณีนี้นายกฯอยู่ในประเทศจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร ตนถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก
เมื่อถามว่าช่วงที่นายกฯลาพักร้อน นายภูมิธรรมต้องรักษาราชการในตำแหน่งนายกฯใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า แล้วแต่ท่านมอบหมาย
25 ธค.สรุปทำประชามติแก้รธน.
นายภูมิธรรมในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ความชัดเจนจริงๆ ต้องรอ 25 ธ.ค.นี้ จะมีการประมวลความเห็นทั้งหมดของ สส. สว. รวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ คณะกรรมการจะประชุมสรุปในวันดังกล่าว เชื่อว่าจะจบทุกอย่าง
จะนำข้อสรุปและความเห็นที่แตกต่างเพื่อเสนอครม.สัปดาห์แรก ที่ประชุมหลังจากหยุดปีใหม่ จากนั้นต้องรอดูว่าครม.จะมีมติอย่างไร เพราะเรื่องที่จะส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องและมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในสภา หากครม.เสนอไปเองอาจเป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะบอกว่าเรื่องยังไม่เกิดขึ้น และไม่รับวินิจฉัย
ชัยธวัชโอดไม่มีเวลาศึกษางบ 67
ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ผู้นำฝ่ายค้าน ในวันที่ 20 ธ.ค. และแนวทางการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า จากนี้ฝ่ายค้านจะมีความชัดเจนเรื่องการประสานงานร่วมกันว่าแต่ละพรรคมีข้อเสนอใดบ้างที่จะนำมาเป็นแนวทางในการทำงานร่วมกัน หลังจากนี้จะมีวาระใหญ่ๆ รออยู่แล้วแน่ๆ คือวาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบ 2567 เป็นเรื่องสำคัญเฉพาะหน้าที่ต้องหารือกับพรรคฝ่ายค้านเพื่อให้การอภิปรายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อถามถึงกรณีเคยเสนอให้เลื่อนพิจารณางบไปก่อน ขณะที่รัฐบาลส่งสัญญาณมาว่าจะเริ่มพิจารณา 3-4 ม.ค.2567 นายชัยธวัชกล่าวว่า ในฐานะฝ่ายค้านเห็นว่าอย่างน้อยควรขยับเวลาออกไปเวลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะกว่าจะได้เอกสารและข้อมูลต่างๆ ช้ามาก ควรมีระยะเวลาเพื่อให้ประชาชนและพรรคฝ่ายค้านมีเวลาดูเอกสารต่างๆ มากที่สุด “ถ้าจัดเวลาแบบนี้หมายความว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้ตรวจสอบ พ.ร.บ.งบประมาณ อย่างเต็มที่ถ้ารัฐบาลไม่ได้กังวลเรื่องการถูกตรวจสอบอะไร ควรมีเวลาให้ฝ่ายค้านและประชาชนได้เห็นข้อมูลงบที่รัฐบาลเสนอเข้ามา ถ้าเลื่อนไปเป็นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนม.ค. ยังมีเวลาพิจารณาทันตามกำหนดแน่นอน”
จี้รบ.เคลียร์‘ทักษิณ’นอนรพ.
นายชัยธวัช กล่าวถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์เรื่องการคุมขังนักโทษนอกเรือนจำ ที่สังคมมองอาจเอื้อประโยชน์ให้ นายทักษิณ ชินวัตร ว่า นายทักษิณอยู่ โรงพยาบาลตำรวจจะครบ 120 แล้ว จนเกิดคำถามว่าทำไมได้รับการปฏิบัติที่ดูเหมือนมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่น เราเห็นด้วยหากผู้ต้องขังมีปัญหาเรื่องสุขภาพโดยที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีศักยภาพไม่เพียงพอ ควรได้รับสิทธิ์ออกไปรักษาข้างนอกได้ แต่ที่ผ่านมามีผู้ต้องขังน้อยมากที่ได้รับสิทธิ์นี้
การควบคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือน จำเป็นเรื่องดีและควรทำมานานแล้ว แต่ หากระเบียบนี้จะถูกใช้ในแบบ 2 มาตรฐาน มีใครได้รับอภิสิทธิ์เพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือไม่ ต้องเข้าใจสังคมว่าทำไมถึงตั้งคำถามแบบนี้ เมื่อถามว่าหากรัฐบาล ยังเงียบ นายชัยธวัชกล่าวว่า ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบแน่นอน ฝ่ายบริหารควร ตอบสังคมให้ได้ อย่าเงียบและคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก
ร้องศาลปค.เอาผิดรูด
วันเดียวกัน ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง เป็นประธานการประชุม ช่วงเปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สว. หารือโดยตั้งคำถามไปถึง รมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ต่อการออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคุมขังนอกเรือนจำ เพื่อช่วยเหลือคนคนเดียวหรือไม่ สังคมสงสัยว่าจะได้ติดคุกจริงบ้างหรือไม่ แม้จะถามแพทย์ใหญ่ ตร. กรมราชทัณฑ์ ก็ไม่เปิดเผย อ้างเป็นสิทธิผู้ป่วย ดังนั้นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจต้องรับผิดชอบ ฐานละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรมที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 และมาตรา 26
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า กรณีนายทักษิณ ยังไม่ติดคุกเหมือนนักโทษ รายอื่น เป็นการใช้ทฤษฎีเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน นายทักษิณถึงได้สิทธิ์ขนาดนั้น หลากหลายคำถามที่ประชาชนสงสัยแต่ไม่เคยได้รับคำตอบ ยังไม่นับรวมที่ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ที่คนในรัฐบาลนี้ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน คงต้องถามนายกฯ รองนายกฯ รมว.ยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ เป็นลายลักษณ์อักษร และเชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องมีคนที่รับผิดชอบอีกหลายคน
ที่ศาลปกครองกลาง นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินเข้ายื่นคำฟ้องอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ผอ.โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ละเลยต่อหน้าที่ กรณีร่วมกันเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ได้สิทธิพิเศษไปนอนในห้องหรู โรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งการออกระเบียบให้ผู้ต้องขังออกไปคุมขังที่บ้านได้
ศาลรธน.ไต่สวนคดีหุ้นสื่อ 20 ธค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 20 ธ.ค. เวลา 09.30 น. กำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลกรณีกกต. ให้วินิจฉัยกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี เป็นเหตุให้สมาชิกภาพสส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ โดยศาลมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้ ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สส. นับแต่ 19 ก.ค.2566 จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
การไต่สวนพยานบุคคล ศาลอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณีและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟัง และไม่มีการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งเป็นไปพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 38 และมาตรา 59 และแม้การไต่สวนคดีนี้จะอยู่ในความสนใจ แต่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ และไม่มีรายงานหรือความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองจะมากดดัน ด้านนายพิธาจะไปให้การไต่สวนพยานด้วยตัวเอง โดยไปถึงศาลเวลา 09.00 น.
สว.เห็นชอบ‘แมนรัตน์’นั่งปปช.
เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. แทนน.ส.สุภา ปิยะจิตติ ที่พ้นครบวาระ 9 ปี โดยกรรมการสรรหาเสนอชื่อ นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ให้วุฒิสภาพิจารณา
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบด้วยเสียง 163 คะแนน ไม่เห็นด้วย 20 คะแนน ไม่ลงคะแนน 16 คน ถือว่านายแมนรัตน์ได้รับการเห็นชอบ เนื่องจากได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสว.ที่มีอยู่ 244 คน หรือ 122 คน

เตรียมสัญจร – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชี รายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส. เตรียมจัดพปชร.สัญจร รับฟังปัญหาประชาชนหลังปีใหม่ ที่พรรคพลังประชารัฐ วันที่ 19 ธ.ค.
ป้อมคัมแบ๊กพปชร.สัญจร
เวลา 16.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร กก.บห.พรรค เผยหลังการประชุมกก.บห.พรรค และสส.ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน ว่า พล.อ.ประวิตร เน้นย้ำถึงนโยบายที่ได้ผลักดันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลและหาเสียงไว้ โดยให้สส.ของพรรคลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะนโยบายแปลง ส.ป.ก.เป็นโฉนด และมาตรการเก็บเกี่ยวข้าวไร่ละ 1,000 บาท และเน้นย้ำเรื่องงานสภา โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระธานกรรมการด้านกิจกรรมสัมพันธ์ กล่าวว่า พรรคมีแนวคิดจัดพรรคสัญจร ลงพื้นที่รับฟังปัญหาต่างๆ วันที่ 8 ม.ค.2567 ไป จ.เพชรบูรณ์ มอบโฉนดที่ดิน พล.อ.ประวิตรและพรรคจะไปดูเรื่องน้ำและที่ดินทำกิน ซึ่งพรรคทำมาตลอด และพล.อ.ประวิตรให้ความสำคัญตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และนับแต่ ม.ค.2567 จะขับเคลื่อนเรื่องแปลง ส.ป.ก.เป็นโฉนด หัวหน้าพรรคจึงต้องการลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหา อุปสรรค และข้อร้องเรียน จะมีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาด้วย จากนั้น 12 ม.ค.2567 ลงพื้นที่ จ.หนองคาย

เท่าเทียม – คณะผู้จัดงาน ‘สานฝันสมรสเท่าเทียม : รวมพลังสู่การเปลี่ยนแปลงในสภา’ ติดเข็มกลัดสีรุ้งให้แก่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอบคุณรัฐบาลที่ผลักดันกฎหมายเข้าสู่สภา ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.
พรบ.สมรสเท่าเทียมเข้าสภา21ธค.
วันที่ 19 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง แถลงว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่วิปรัฐบาลเสนอให้ส่งร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่อสภา โดยร่างฉบับที่รัฐบาลเสนอผ่านการได้รับความเห็นชอบจากประชาชนในขั้นตอนการยกร่างและรับฟังความเห็นหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ศาลยุติธรรม จากนั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างอีกครั้งแล้ว
นายเศรษฐาทวีตด้วยว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้จะทำให้บุคคลเพศเดียวกันหมั้น สมรสกันได้ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะทำให้มีสิทธิ หน้าที่และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสที่เป็นชายและหญิง เรื่องสมรสเท่าเทียมก้าวหน้าไปอีกขั้นในการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งจะบรรจุเข้าพิจารณาวาระ ที่ 1 วันที่ 21 ธ.ค.นี้แล้ว
นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การพิจารณาของสภาจะมี 3 ร่างหลักคือ ร่างของครม. ร่างของภาคประชาชนกว่าหมื่นรายชื่อ และร่างของพรรคก้าวไกล ทั้งสามร่างมีหลักการเดียวกันคือการสมรสเท่าเทียม อาจมีส่วนต่างกันบ้าง เช่น เรื่องอายุสมรส การเว้นระยะเวลาของผู้หญิงกรณีหย่าจากคู่สมรสที่เป็นหญิงด้วยกัน เรื่องบุพการี ซึ่งสามารถหาความเห็นร่วมกันในขั้น กมธ.ได้
ทั้งนี้ ร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมของรัฐบาล ถูกส่งกลับมาถึงสภาแล้ว เพื่อบรรจุเข้าวาระการประชุมสภาวันที่ 21 ธ.ค.เป็นเรื่องด่วน คาดว่าจะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นี้ภายหลังเสร็จกระทู้ถาม

สมรสเท่าเทียม – ‘อุ๊งอิ๊ง’ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถ่ายภาพร่วมกับเยาวชนเพศหลากหลาย ระหว่างร่วมงานเวทีเสวนา ‘สานฝันสมรสเท่าเทียม : รวมพลังสู่การเปลี่ยนแปลงในสภา’ ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.
เคาะ4.9พันล้านแก้หนี้ทั้งระบบ
วันที่ 19 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติแนวทางการแก้ไขหนี้ทั้งระบบ โดยแนวทางที่หนึ่งให้ความเห็นชอบ 3 มาตรการ ดังนี้ 1.มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 2.มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ และ 3.มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนแนวทางที่สอง อนุมัติงบเงินงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 จำนวน 400 ล้านบาท 2.มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ 4,500 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 4,900 ล้านบาท และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นวันที่ 19 จากข้อมูลของสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เมื่อเวลา 15.30 น. มีมูลหนี้รวม 6,247.791 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 102,282 ราย โดยเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 90,040 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 12,242 ราย รวมเจ้าหนี้ 72,895 ราย มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก 1.กรุงเทพฯ ยังคงมากที่สุด มีผู้ลงทะเบียน 6,454 ราย เจ้าหนี้ 5,369 ราย มูลหนี้ 528.593 ล้านบาท 2.จ.นครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 4,380 ราย เจ้าหนี้ 3,567 ราย มูลหนี้ 266.359 ล้านบาท 3.จ.สงขลา มีผู้ลงทะเบียน 4,040 ราย เจ้าหนี้ 2,864 ราย มูลหนี้ 252.325 ล้านบาท 4.จ.นครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 3,942 ราย เจ้าหนี้ 2,470 ราย มูลหนี้ 301.837 ล้านบาท และ 5.จ.ขอนแก่น มีผู้ลงทะเบียน 2,667 ราย เจ้าหนี้ 2,120 ราย มูลหนี้ 197.378 ล้านบาท
ส่วนจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1.จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 135 ราย เจ้าหนี้ 92 ราย มูลหนี้ 5.824 ล้านบาท 2.จ.ระนอง มีผู้ลงทะเบียน 213 ราย เจ้าหนี้ 138 ราย มูลหนี้ 15.648 ล้านบาท 3.จ.สมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 275 ราย เจ้าหนี้ 193 ราย มูลหนี้ 8.912 ล้านบาท 4.จ.ตราด มีผู้ลงทะเบียน 340 ราย เจ้าหนี้ 219 ราย มูลหนี้ 10.965 ล้านบาท และ5.จ.สิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 369 ราย เจ้าหนี้ 242 ราย มูลหนี้ 13.902 ล้านบาท
อนุมัติ5มาตรการแก้ฝุ่นPM2.5
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการและกลไกในการแก้ไขฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปี 2567 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ เพื่อจัดการปัญหามลพิษทางอากาศที่มาจากหลายปัจจัยตั้งแต่สถานการณ์เอลนีโญ การเผาข้ามแดน การจราจร เป็นต้น โดยเห็นชอบมาตรการ 5 ข้อ คือ 1.กำหนดพื้นที่ 17 จังหวัด ภาคเหนือ กทม. และปริมณฑล ที่เป็นป่าอนุรักษ์ 10 แห่ง ป่าสงวน 10 แห่ง ให้ลดปริมาณฝุ่น 50% ขณะที่พื้นที่การเกษตร 17 จังหวัดภาคเหนือที่มีการเผาซ้ำซาก ตั้งเป้าให้ลดการเผา 50% 2.ให้ภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนการแก้ไขปัญหา เพื่อลดข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ 3. จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อสั่งการไปสู่ระดับปฏิบัติในพื้นที่ 4.ปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน และ5. ยกระดับการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากระดับภูมิภาคอาเซียน ไปสู่ทวิภาคี โดยจะกำหนดการประเมินผล หรือเคพีไอผู้ว่าฯ ทั้ง 17 จังหวัด ในการลดค่าการเผาลงในพื้นที่ป่าสงวน และป่าอนุรักษ์ลง 50% ส่วนพื้นที่ป่าอื่นให้ลดเผาลง 20% และพื้นที่การเกษตรอื่นที่อยู่นอกเหนือ 17 จังหวัดให้ลดการเผาลง 10% และกำหนดให้รถค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือลง 40% กทม.ลดลง 20% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง 20% และให้ลดจำนวนวันที่มีหมอกควันเกินค่ามาตรฐานภาคเหนือตั้งเป้าให้ลดลง 30% กทม. 5% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5% ภาคกลาง 5%
นายชัยกล่าวต่อว่านอกจากนั้นจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคอยมอนิเตอร์ และชุดปฏิบัติการระดับอำเภอไปถึงระดับตำบล ไม่ให้มีการเผา ถ้าเผาต้องขออนุญาต และให้กระทรวงมหาดไทยจัดคิวไม่ให้มีการเผาพร้อมกัน ขณะเดียวกันส่งเสริมให้ภาคเอกชนนำวัสดุการเกษตรไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล หรือทำอาหารสัตว์ และมีสิทธิพิเศษทางด้านภาษีและอุดหนุนด้านดอกเบี้ย และส่งเสริมการใช้รถยนต์ดีเซลที่มีสารกำมะถันต่ำ โดยให้จำหน่ายราคาเดียวกับน้ำมันดีเซล พร้อมกับขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ใช้น้ำมันดังกล่าวโดยไม่ต้องรอถึงวันที่ 1 ม.ค. 2567 โดยผลงานที่สำคัญ ที่จะเป็นเคพีไอ วัดการทำงาน ของผู้ว่าฯ 17 จังหวัดภาคเหนือ จะขึ้นอยู่กับการลดปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ด้วย ถ้าผลงานผ่านจะต้องได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
วันเดียวกัน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า รายงานสถานการณ์ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอพพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” พบว่า ภาพรวมทั้งประเทศยังทรงตัว พบเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพสีส้ม 18 จังหวัด โดยมากสุด 3 อันดับแรกคือ จ.สมุทรสาคร 59.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) จ.นครปฐม 55.2 มคก./ลบ.ม. จ.ราชบุรี 49 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.)
ในขณะที่กรุงเทพฯ พบค่าฝุ่นเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 46 เขต สูงสุด 3 ลำดับอยู่ที่ ราชเทวี 55.5 มคก./ลบ.ม. บางกอกใหญ่ 53.2 มคก./ลบ.ม. และปทุมวัน 52.3 มคก./ลบ.ม.