รายงานพิเศษ

โบกมือลากันไปเสียแล้ว นายปรีดี ดาวฉาย อดีตรมว.คลัง โควตา ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ทั้งๆ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งไม่ถึง 1 เดือน

นายปรีดี เป็นหนึ่งในสองรัฐมนตรีใหม่ ที่เข้ามาพร้อมกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์ มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน

เป็น 2 บุคคลที่เข้ามาเป็นแม่ทัพเศรษฐกิจคนใหม่

โดยเฉพาะนายปรีดี ถือว่ามีชื่อชั้นไม่ธรรมดาในแวดวงการเงิน-ธนาคาร เพราะตำแหน่งสุดท้ายก่อนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีคือกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย

ช่วงแรกที่เปิดชื่อมาเป็น รมว.คลัง สร้างความร้อนแรงไม่น้อยโดยเฉพาะในภาพเอกชนที่เชื่อมือในฐานะนักบริหารตัวจริง เสียงจริง ประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึงเป็นลูกหม้อของธนาคารกสิกรไทยมายาวนาน








Advertisement

ผ่านการแก้ปัญหาสารพัด สารเพ รวมไปถึงหนึ่งในทีมผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยที่ร่วมฝ่าวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 ซึ่งช่วงนั้นนายปรีดีดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่ออุตสาหกรรมการผลิตและบริการ

แต่บุคคลที่มีประสบการณ์ขนาดนี้ กลับนั่งเก้าอี้รมว.คลังได้ไม่ถึงเดือน ก็ขอแยกทาง แม้จะอ้างเรื่องปัญหาสุขภาพ

ทว่าข้อเท็จจริงน่าจะรู้ๆ กันอยู่

การลาออกจากรมว.คลัง ครั้งนี้น่าจะส่งผลถึงภาพลักษณ์ของรัฐบาลพอสมควร แต่จะมากน้อยขนาดไหนลองมาฟังทัศนะของภาคเอกชน ที่ก่อนหน้านี้ออกมายกมือหนุนสุดตัวเมื่อนายปรีดีเข้ามารับตำแหน่งสำคัญนี้

พร้อมตั้งความหวังว่าจะตั้งคณะทำงานฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่มีหน่วยงานรัฐและเอกชนเข้าร่วม เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปัญหาปากท้องประชาชน และการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ว่าการลาออกของนายปรีดีส่งผลบรรยากาศเชิงลบต่อตลาดหุ้น และกระทบต่อความต่อเนื่องของการผลักดันมาตรการกระตุ้นการคลังในอนาคต ส่วนผลต่อค่าเงินบาท คาดว่าจะชะลอการแข็งค่า หรือมีแนวโน้มอ่อนค่าช่วงสั้น

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่านายปรีดีเพิ่งเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่ถึง 1 เดือน ประเมินว่ายังไม่มีการหารือเรื่องนโยบายการคลังอย่างเป็นรูปธรรมมากนัก

แต่สิ่งที่ต้องกังวลมากกว่าคือ จะหาบุคคลที่มีคุณสมบัติ เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งได้หรือไม่

อีกทั้งการลาออกของนายปรีดีครั้งนี้แสดงถึงความไม่มีเอกภาพของรัฐบาล ทำให้ประเมินผลกระทบอาจมีผลสั่นคลอนต่อภาพรวมทีมเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และต่อภาพรวมของตลาดหุ้นในระยะต่อไป

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่า การลาออกของนายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง สะท้อนปัญหาภายใน คาดจะทำให้การผลักดันงานต่างๆ ของรัฐบาลมีความล่าช้า

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การลาออกจากตำแหน่งรมว.คลังของนายปรีดี ดาวฉาย ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน และหากจะหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งแทนก็เป็นเรื่องยาก

ทำให้การดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลต้องหยุดชะงักก่อน แต่หากจะให้รัฐมนตรีช่วยฯ ปฏิบัติหน้าที่แทน ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ พร้อมประเมินว่ายังไม่ถึงขั้นยุบสภา เนื่องจากยังมีปัญหาโควิด-19 ที่รัฐบาลยังต้องเร่งแก้ปัญหา ซึ่งทั้งหมดส่งผลกระทบเชิงลบที่ชัดเจนต่อตลาดหุ้นไทยแน่นอน

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่ากรณีนายปรีดีที่ลาออกจากตำแหน่งรมว.คลัง เชื่อว่าไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากมองว่านักลงทุนให้ความสำคัญกับนโยบายภาพรวมทางเศรษฐกิจของรัฐบาลมากกว่าตัวบุคคล

รวมไปถึงการให้ความสำคัญต่อการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ ตลอดจนมาตรการภาครัฐ และการลงทุน

ที่ผ่านมารัฐบาลก็ทำอยู่โดยไม่ได้อิงนโยบายจากกระทรวงการคลังแต่เพียงด้านเดียว

ประกอบกับจะเห็นได้จากการจัดงาน Thailand Focus 2020 ที่ผ่านมาซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ นักลงทุนให้ความสนใจธุรกิจบริษัทจดทะเบียนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทหรือไม่

ทั้งยังให้น้ำหนักในเรื่องปัจจัยต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายทางเศรษฐกิจ หรือ ภาวะตลาดโลก มากกว่าให้น้ำหนักในประเทศ โดยเฉพาะการเมือง

ด้าน นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าคงไม่กระทบกับเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง หรือกระทบภาคธุรกิจของประเทศ เพราะนายปรีดีเพิ่งเข้ารับตำแหน่งไม่ถึงเดือน ยังไม่มีผลงานอะไรออกมา

แต่สิ่งที่ต้องรอดูคือรัฐบาลจะลงมือทำอะไรในสิ่งที่ภาคเอกชนเสนอไปมากกว่า ซึ่งคงไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีลาออก

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ผลกระทบต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง หรือภาพลักษณ์ของการลงทุนในสายตานักลงทุนนั้นคงยังไม่กระทบ เพราะนายปรีดีเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเพียงระยะสั้นๆ ดังนั้นนโยบายต่างๆ ยังไม่ออกมา

“แน่นอนว่าในแง่ของภาพลักษณ์ในรัฐบาลน่ากังวล เพราะต่อไปคงไม่มีภาคเอกชนหรืออาจจะต้องคิดหนักที่จะเข้ามาร่วมงานหรือมานั่งเป็นรัฐมนตรี หรือร่วมงานกับรัฐบาล เพราะแรงเสียดทานเยอะในเชิงการเมือง”

แต่ทั้งนี้คงต้องติดตามว่าใครจะมารับตำแหน่งนี้ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน