‘ณิชา’ขยับสกิลแสดง
ได้เล่นบทดราม่าท้าฝีมือ

จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล

พัฒนามาถึงตอนโตแล้ว สำหรับ ‘ใกล้รุ่ง’ ตัวละครเอกในละคร “วาสนารัก” ทางช่อง 3 ซึ่งแสดงโดยนางเอกสาว ‘ณิชา’ ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ ที่ต้องมาประกบพระเอกน้องใหม่ ‘ไอซ์’ ภาณุวัฒน์ เปรมมณีนันท์ ที่รับบท ‘กันตพล’

วันนี้จังหวะดี นัดแนะสาวณิชามาพูดคุยถึงเรื่องงานละคร และสถานะของหัวใจ

คาแร็กเตอร์ในเรื่องเป็นยังไง?

ณิชา – “รับบท ใกล้รุ่ง เป็นลูกพ่อไผทกับแม่ดวงมณี พ่อแม่ทำคณะลิเก จะโตมากับลิเก กล้าแสดงออก มีพรสวรรค์ในการแสดง แต่ก็เป็นเด็กที่ยังมีความเรียบร้อย น่ารัก และเรียบง่าย ตอนเห็นบทบอกเลยยากและมีความท้าทายในเรื่องของลิเก เราต้องรำลิเกด้วย รู้สึกตื่นเต้นเพราะเป็นศิลปะอีกแขนงที่ยังไม่เคยเข้าไปถึงมาก่อน แล้วด้วยตัวบทที่ท้าทาย เพราะใกล้รุ่งเจอเรื่องราวในชีวิตเยอะมาก ที่จะพาตัวเขาไปสู่จุดพลิกผัน”

เป็นนางเอกลิเกด้วย ฝึกยากไหม?








Advertisement

ณิชา – “ยากนะคะ แต่ก็โอเค พยายามทำให้ดีที่สุด เรียนรำให้แม่นที่สุด เพราะการรำของลิเกแต่ละท่ามีความหมายหมด สายตาเขาเวลามองคนดู ต้องอ่อนหวานชมดชม้อยช้อยตามอง ตรงนี้ต้องฝึกและซึมซับเวลาดูคนอื่นเล่น ก็พยายามถ่ายทอดศิลปะนี้ออกมาให้สวยงามที่สุด”

ไม่แน่อาจมีแม่ยกเพิ่มขึ้น ไม่ใช่มีแค่แฟนคลับอย่างเดียว?

ณิชา – “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะขอบคุณมากเลยค่ะ (หัวเราะ)”

ความดราม่าในเรื่องนี้ล่ะ?

ณิชา – “ตัวละคร ใกล้รุ่ง เจอจุดพีกในชีวิตหลายเรื่อง ทั้งเรื่องความรักที่พี่กันตพลก็ไม่เคยมีความชัดเจนให้เลย แล้วเราเป็นผู้หญิงจะต้องทำยังไง ก็ต้องไฟต์ พอไฟต์เสร็จมานั่งคิดอีกว่าทำเกินไปหรือเปล่า หรือเรื่องครอบครัวของเราที่จะมีการตัดสินใจอยู่ว่าจะเรียนหรือเลือกทำงานดี เรียกว่ามีหลายพาร์ตที่ต้องตัดสินใจ และหนักพอสมควร”

ดราม่าแบบนี้เข้าทางไหม เพราะผ่าน “เพลิงพรางเทียน” มาแล้ว เรื่องนี้ก็น่าจะไหวอยู่?

ณิชา – “ไม่หรอกค่ะ การแสดงต้องพัฒนาตลอด แต่ละตัวละครต้องเรียนรู้เขาใหม่ ไม่ใช่ดราม่าจากเรื่องนู้นแล้วจะมาดราม่าในเรื่องนี้ได้ต่อ อย่างเรื่องราวในชีวิตใกล้รุ่งกับตอนเพลิงพรางเทียน ก็ต่างกันสุดขั้ว ต้องมาเรียนรู้ตัวละครนี้ใหม่”

ประกบคู่พระเอกใหม่ ‘ไอซ์ ภาณุวัฒน์’ เป็นยังไงบ้าง?

ณิชา – “เป็นสีสันใหม่ดีค่ะ เพราะไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน ไม่เคยเจอกันเลย จนวันฟิตติ้ง เขาเป็นคนตั้งใจทำงาน มากๆ ก็ใช้เวลาจูนนิดนึง”

ไอซ์บอกว่าเกร็งมากตอนเจอณิชา?

ณิชา – “เราก็เกร็งไปด้วยค่ะ แต่ก็อยากทำให้ออกมาดีที่สุด เลยชวนกันไปเวิร์กช็อปเพิ่ม เพื่อได้เข้ากันได้ไวมากขึ้น หรือได้ไปตีความด้วยกันมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าตัวละครที่เราสองคนเล่น มีความสัมพันธ์กันตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่รุ่นเด็กที่เขาเล่นไว้ แล้วอยู่ดีๆ ตอนโตมาเราไม่ทำการบ้านมาด้วยกัน ก็อาจจะมองเรื่องอดีตไม่เหมือนกัน หรือภาพที่เราเห็นในอดีตที่เราเคยรู้จักกันมันอาจจะเป็นคนละภาพก็ได้ เลยรู้สึกว่าลองไปคุยกันตรงนี้ดูมั้ย เผื่อจะเข้ากันได้เร็วมากขึ้น ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ พี่ไอซ์ดูเกร็งหนูน้อยลง (หัวเราะ)”

กับฉากเข้าพระเข้านางล่ะ มากน้อยแค่ไหน?

ณิชา – “พอประมาณค่ะ มีเกร็งๆ บ้าง ส่วนว่าแซ่บสู้ตอน เพลิงพรางเทียน ได้หรือเปล่า อันนี้ต้องรอดูค่ะว่าประมาณไหน แต่คิดว่ากลิ่นอายอาจจะไม่เหมือนกัน”

เรื่องนี้ พี่หนุ่ม กฤษณ์ ผู้กำกับฯ หมายมั่นปั้นมือจะให้ณิชามาเป็นเจ๊ดันไอซ์?

ณิชา – “อู๊ย…ไม่จริงอ่ะ (หัวเราะ) หนูไม่สามารถดันใครได้หรอก อีกอย่างมันต้องเป็นทีมเวิร์กไปด้วยกันมากกว่า ละครเรื่องหนึ่งจะออกมาดีได้คือทุกคนต้องช่วยกัน หนูไม่สามารถดันใครได้จริงๆ ต้องช่วยเหลือตัวเองให้รอดเหมือนกัน แล้วก็ช่วยเหลือกันทุกคนค่ะ”

คอนฟลิกต์ในละครที่ว่าพี่น้องต้องมีความสัมพันธ์กัน ตรงนี้แอบกลัวจะมีกระแสสังคมไหม?

ณิชา – “หนูไม่ได้คิดจนกระทั่งตอนนี้ที่ถามเลยค่ะ แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องในละครที่จะสอนชีวิตคน เลยไม่ได้คิดมากตรงเรื่องนี้ อยากให้รอดูในละครกันก่อน น่าจะมีอะไรที่เป็นปมของเรื่องอยู่”

ช่วงหลังรับแต่ละครดราม่าหนักๆ?

ณิชา – “ใช่ค่ะ ดราม่าขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีละครดราม่าเยอะขนาดนี้ แต่ช่วงนี้ก็เรื่อยๆ ถามว่าอยากกลับไปใสๆ เบาๆ บ้างมั้ย จริงๆ ก็สลับกันไปนะคะ บางทีในเรื่องหนึ่งก็ไม่ได้ดราม่าไปซะทั้งเรื่อง อย่างใน วาสนารัก ก็มีพาร์ตสดใสด้วย ไม่ได้อมทุกข์ขนาดนั้น”

ผลงานอื่นๆ นอกจากนี้?

ณิชา – “ตอนนี้ที่ถ่ายทำเสร็จแล้วคือ ดวงใจในมนตรา ส่วนที่กำลังถ่ายทำอยู่คือ เกมปรารถนา ค่ะ ดวงใจในมนตรา เป็นแนวพีเรียด ดราม่า แฟนตาซี และคอมเมดี้ด้วยค่ะ ส่วน เกมปรารถนา ยังไม่อยากบอก แต่ครบรสมากๆ เหมือนกัน”

หลายคนยกให้เป็นนางเอกสายดราม่าไปแล้ว?

ณิชา – “โน้ววว…ตัวละครก็มีเหตุผลที่มีเรื่องหนักๆ ในชีวิต แต่มันไม่ได้แบบว่าเป็นดราม่าทั้งเรื่อง”

วางไว้ไหมว่าปีหนึ่งจะรับละครกี่เรื่อง?

ณิชา – “จริงๆ ไม่ได้วางไว้ แต่คร่าวๆ ส่วนใหญ่จะเป็นปีละ 2 เรื่อง เท่านี้ก็เต็มมากๆ แล้ว ถือว่ากำลังดีกับตัวเองด้วย ไม่งั้นตายแน่ๆ เลยทำงานเกิน 7 วัน แต่บางทีก็จะมีคาบเกี่ยวกันบ้างเต็มที่ก็ 3 เรื่อง ส่วนตัวหนูพอใจกับงานที่ผู้ใหญ่มอบให้ในตอนนี้ ละครก็มาเรื่อยๆ ไม่ได้มีช่วงที่หายไปนาน ส่วนเรื่องกระแสหรือชื่อเสียงที่ได้มาหนูพอใจกับมันมากแล้วค่ะ รู้สึกว่าชีวิตตอนนี้แฮปปี้ลงตัวดีเลย”


คำว่าแฟนไม่สำคัญ-รักคือความหวังดีต่อกัน

มาถึงเรื่องความรัก กับพี่คนสนิทอย่าง ‘โตโน่ ภาคิน’ สาว ‘ณิชา ณัฏฐณิชา’ เปิดใจว่า “ความรัก….(ยิ้ม) ทุกเรื่องในชีวิตแฮปปี้ดีค่ะ ช่วงโควิดที่ผ่านมาไม่ค่อยเจอกัน ทำตามนโยบาย อยู่บ้านรักษาระยะห่าง อาจมีถามไถ่กันทางโทรศัพท์บ้าง ช่วงสถานการณ์เริ่มคลี่คลายก็มีเจอกันบ้างแล้วแต่โอกาส รวมถึงว่าเรามีละครที่ต้องถ่ายด้วยกัน มันเลยทำให้ได้เจอกันเรื่อยๆ ไม่ได้ห่างหายกันไป นอกเสียจากว่าทำงานหนักทั้งคู่ อาจจะมีห่างไปบ้าง”

ทุกวันนี้ลงตัวกันหรือยัง ดาราสาวตอบ “ไม่รู้เลย เพราะความที่รักรู้จักกันมาเรื่อยๆ แล้วก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งก็โอเค”

ย้อนไปทริปอยุธยา 2 ครอบครัว ที่ดูหวานมาก ณิชาแจง “ทริปนี้เกิดขึ้นได้ เพราะแม่ๆ อยากไปทำบุญกันค่ะ บวกกับหนูช่วงสงกรานต์ชนโควิดพอดี แล้ววันเกิดหนูอยู่ช่วงสงกรานต์ เลยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เข้าวัดมานานเกินไปแล้ว ประจวบเหมาะที่แม่ๆ อยากทำบุญกัน เลยไปอยุธยา ก็ไปกันทีเดียวพร้อมหน้าพร้อมตา”

ถามถึงช็อตที่แม่โตโน่จับมือณิชาแน่น คนแซวว่าคนนี้แม่จองแล้วหรือเปล่า “(หัวเราะ) โอ้โห! ตีความลึกมาก ไม่ค่ะๆ จริงๆ ต้องบอกว่าครอบครัวหนูกับครอบครัวพี่โน่สนิทกันมาก ยิ่งถ่ายละครด้วยกันยิ่งเจอกันบ่อยมาก ไม่รู้จะทำอะไร ก็เล่นกันอยู่ในกอง เลยสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ”

ความสัมพันธ์ของแม่โตโน่กับณิชาเป็นยังไงบ้าง “สนิทสนมกันปกติเลยค่ะ มีไปไหนทำอะไรดีๆ ก็ชวนกันทำ หรือแม่น้อย (แม่โตโน่) ไปทำบุญมาก็เอาน้ำมนต์มาฝากแม่ยุ้ย (แม่ณิชา) หรือหนูไปบวงสรวงละครมาก็จะเอาผลไม้ไปฝากแม่น้อย (หัวเราะ) เรียกว่าเป็นสายบุญแบบนี้ ความเอ็นดูที่แม่ๆ ต่างมีให้หนูและพี่โน่เป็นสิ่งที่เกิดโดยธรรมชาติ”

มีคนแซวว่าคู่เราหวานจนไม่ต้องใช้คำว่าแฟน ข้ามจุดนั้นไปแล้ว ณิชายิ้มเขินก่อนกล่าวว่า “จริงๆ เรื่องแบบนี้แล้วแต่คนจะมอง แต่สำหรับเราก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ สำหรับพี่โน่หนูไม่รู้ว่ายังไง แต่สำหรับตัวหนู คิดว่าคำว่าแฟนไม่ได้สำคัญขนาดนั้นที่ทำไมเราต้องมีจำกัดอะไรสักอย่าง แค่ทุกวันนี้เป็นยังไงก็คือเป็นแบบนั้น”

แล้วทุกวันนี้เป็นยังไงอ่ะ “อย่างที่ทุกคนเห็นไงคะ”

ที่ทุกคนเห็นเขาเรียกว่าแฟนนะ “แล้วแต่คนจะคิดค่ะ (หัวเราะ) เราไม่สามารถบังคับความคิดใครได้”

คู่เราดูชิลชิล “หนูว่ามันไม่มีอะไรต้องไปฟิกซ์ ไม่มีอะไรต้องไปใส่กรอบ เราเป็นยังไงก็เป็นอย่างงั้น รู้จักกันมาแบบนี้ก็เป็นแบบนี้ มันเลยไม่มีอะไรที่จะมาบอกว่าเป็นแบบนั้นนะ เป็นแบบนี้นะ ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น”

ในเรื่องความสัมพันธ์ตัวเราไม่ได้คาดหวังว่าสุดท้ายแล้วจะต้องอะไรยังไง “มันอยู่ที่ความรู้สึกอ่ะค่ะ ความรู้สึกจะบอกเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำไหน อะไร หรือสภาพแวดล้อมยังไง ทุกอย่างอยู่ที่ความรู้สึกมากกว่า ทุกวันนี้ก็ยังแฮปปี้อยู่”

แฮปปี้ที่ยังมีพี่โตโน่อยู่ “แฮปปี้ค่ะ (ยิ้ม)”

จากตอนแรกที่หลายคนมองว่าคู่เราดูไม่เข้ากัน ณิชาดูเป็นคุณหนู ส่วนโตโน่จะลุยๆ แต่ตอนนี้กลายเป็นคู่ที่น่ารักและคนเชียร์เยอะมาก ดาราสาวหัวเราะ “หนูไม่ได้เป็นคุณหนูเลย หนูก็ชอบลุยเหมือนกัน เที่ยวป่า เที่ยวเขา เที่ยวทะเล ทำกิจกรรม แต่อาจจะไม่ได้ลุยเท่าพี่โน่ที่ว่ายน้ำข้ามเกาะ แบบนั้นไม่ไหวจริงๆ แต่ถ้าเป็นพายแพดเดิลบอร์ด พายเรือ หรือเล่นเจ็ตสกีแบบนี้หนูทำหมด เห็นแบบนี้คือเป็นคนชอบทำกิจกรรมกับธรรมชาติกลางแจ้งด้วยค่ะ อย่างปีนผาจำลองหนูชอบมาก แต่คนอาจจะไม่ค่อยรู้เท่าไหร่”

วันแรกที่รู้จักพี่โตโน่จนถึงวันนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง “เขาก็เป็นเหมือนเดิม เป็นคนเดิม ไม่ได้รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนเลย”

เป็นคนเดิมที่ว่า..ดีและน่ารักยังไง “พี่โน่เป็นคนใส่ใจคนรอบข้างเสมอเลยค่ะ ความคิดหรืออะไรที่เป็นเขาก็ยังเหมือนเดิม หนูก็บอกไม่ถูก แต่ไม่เคยรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป”

พื้นฐานณิชาชอบสไตล์นี้อยู่แล้วด้วยหรือเปล่า “คำถามล่อเป้า (หัวเราะ) คือก็เป็นสไตล์ที่น่ารักดีค่ะ เขามีความกลมกล่อมในตัวเขา จริงๆ เขาเป็นคนตลกนะคะ เวลาคนรอบข้างอยู่ด้วย หรือเวลาฟังเขาเล่าเรื่องก็จะสนุกสนาน แล้วเป็นคนแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ รู้สึกว่าดูชีวิตเขาไม่เคยเหนื่อยเลย ทำอะไรได้เยอะมาก แอ๊กทีฟตลอดเวลา เราเห็นก็ชื่นชม เพราะทำไม่ได้ขนาดเขา”

ที่ผ่านมาโตโน่เจอกระแสดราม่าเยอะพอสมควร ตัวเรามีโอกาสให้กำลังใจเขาเยอะไหม “มีบ้างค่ะ แต่จริงๆ เขาก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้น หนูจะคอยพูดว่าเราทำอะไรย่อมรู้แก่ใจเราเอง ใครจะว่ายังไงปล่อยเขาไป เพราะสิ่งที่เราทำก็คือเราทำ แล้วเราก็ทำอะไรที่เรารู้สึกมีความสุขและสบายใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามมันมีทุกกระแสอยู่แล้ว มีทั้งบวกและลบ เพราะฉะนั้นเอาที่ใจเราเป็นหลักเพราะตัวเรารู้ดีที่สุด”

เคยคุยอะไรที่เป็นเรื่องอนาคตร่วมกันบ้างไหม “ไม่มีค่ะ (หัวเราะ) หนูยังเด็กอยู่เลย”

มุมมองความรักในวัย 24 ปีเป็นยังไง “เวลารักใครเราจะรู้สึกหวังดีกับเขา อยากให้เขาเจอแต่สิ่งที่ดี ไม่ต้องการให้เขาต้องเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น อยากให้เขามีความสุขแบบที่เขาเป็น ไม่ว่าจะกับใครรอบข้างนะคะ ให้เขาได้มีความสุข ได้สิ่งที่ดีที่สุด และพร้อมจะซัพพอร์ตทุกอย่าง ความรักคือความหวังดีต่อกันค่ะ”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน