‘โจ้-เรืองไกร’ประจันหน้าเดือด – เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร หรือเสี่ยโจ้ ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงชี้แจงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. ร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ให้ตรวจสอบการใส่นาฬิกาหรูแถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 ม.ค. โดยนายเรืองไกร ได้มาฟังการแถลงชี้แจงตามคำเชิญของนายยุทธพงศ์ด้วย

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ตนได้ใส่นาฬิกาเรือนที่อยู่บนข้อมือตนนี้แถลงข่าวในวันดังกล่าว โดยตนรับตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 6 มี.ค.2562 และยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ในวันที่ 25 พ.ค.2562 ซึ่งตามกฎหมายป.ป.ช.ได้เขียนคำอธิบายไว้ว่าการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินให้ยื่นทรัพย์สินที่มีมูลค่าตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป โดยยื่นพร้อมภาพถ่าย นาฬิกายี่ห้อ IWC ที่ตนใส่หาเสียงตั้งแต่ปี 2554 ซื้อมาในราคาประมาณ 50,000 บาท วันนี้ขาย 10,000 บาทก็คงจะไม่มีคนซื้อ สายขึ้นรายังไม่มีเงินไปเปลี่ยนเลย ถ้าตนใส่นาฬิกาถูกให้กลายเป็นนาฬิกาหรูได้ อีกหน่อยคงมีคนเชิญไปเป็นพรีเซ็นเตอร์

ผู้สื่อข่าวถามว่า พร้อมชี้แจงข้อมูลกับ ป.ป.ช. หรือไม่ นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ถ้าป.ป.ช.รับเรื่อง ก็ต้องไปชี้แจง แต่ตน ไม่อยากให้ไปถึงขั้นนั้น จึงออกมาเรียนให้สื่อมวลชนและ พี่น้องประชาชนได้สบายใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายเรืองไกรได้พยายามขอชี้แจงถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแสดงบัญชีทรัพย์สิน แต่นายยุทธพงศ์และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ที่ยืนสังเกตการอยู่ใกล้ๆ ระบุว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จึงไม่สามารถแถลงข่าวในนามพรรคได้ นายเรืองไกรจึงขอถามคำถามแทน แต่นายยุทธพงศ์ก็ตัดจบการแถลงข่าว และนำนาฬิกามาให้สื่อมวลชนดู นายเรืองไกร จึงเข้ามาถามว่าขอซื้อตอนนี้ 5,000 บาทจะขายหรือไม่ พร้อมควักธนบัตรออกจากกระเป๋าสตางค์มา 10,000 บาท แต่นายยุทธพงศ์ไม่ตอบคำถาม พร้อมเดินไปประชุมสภาทันที

นายเรืองไกรให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่นายยุทธพงศ์ ท้าทายผ่านสื่อให้ตนไปที่พรรคเพื่อไทย เมื่อตนไปตามคำท้า ปรากฏว่างานนี้ไม่สมราคาคุย ตนเลยกินแห้ว จึงจำเป็นต้องชี้แจง เพิ่มเติมว่าในคู่มือการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช. นั้นอธิบายไว้ชัดเจนว่าทรัพย์สินอื่นตามรายการที่ 9 ที่ต้องยื่น หมายถึงทรัพย์สินอื่นของผู้ยื่น คู่สมรส และบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่ละราย นอกจากทรัพย์สินที่ระบุในรายการที่ 1-8 โดยมีมูลค่าของทรัพย์สินทุกชนิดรวมกันตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป เช่น อัญมณี เครื่องประดับ ทองคำ อาวุธปืน นาฬิกา งานศิลปะ โบราณวัตถุ พระเครื่อง พระบูชา หรือวัตถุมงคล

จากการฟังคำแถลงของนายยุทธพงศ์ เข้าใจว่านายยุทธพงศ์คงเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่าทรัพย์สินอื่นที่ต้องยื่นคือทรัพย์สินแต่ละชนิดต้องมีมูลค่าตั้งแต่ 200,000 บาท มิใช่ทุกชนิดรวมกันมีมูลค่าตั้งแต่ 200,000 บาท เรื่องนี้คงต้องขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป และตนได้นำตัวอย่างการยื่นบัญชีทรัพย์สินอื่นเตรียมไปอธิบายด้วย เมื่อไม่ให้โอกาสอธิบายความ ก็ขอนำตัวอย่างของ 2 คนมาแสดงต่อสื่อมวลชน คือ กรณีนายชวน หลีกภัย ยื่นบัญชีทรัพย์สินอื่นเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2562 โดยใช้มูลค่าของทรัพย์สินทุกชนิดรวมกันในการยื่น ซึ่งมีนาฬิกาข้อมือ 19 เรือน มูลค่า 500,000 บาทรวมอยู่ด้วย หรือกรณีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ยื่นบัญชีทรัพย์สินอื่นเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2551 ก็ใช้มูลค่าของทรัพย์สินทุกชนิดรวมกันในการยื่น ซึ่งมีนาฬิกาข้อมือ 1 เรือน มูลค่า 50,000 บาทรวมอยู่ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน