ผ่าคดีสยองเนินมะปราง – หลังจากการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของนายแหวน คำพรมมี อายุ 52 ปี ญาติพี่น้องจึงออกติดตามด้วยความเป็นห่วง แต่ผ่านไปถึง 6 วันก็ยังไร้วี่แวว เมื่ออับจนหนทางจึงหันหน้าเข้าพึ่งพาสิ่งลี้ลับ สุดท้ายจึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งคดีสยองเนินมะปราง

เรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ภายหลังร.ต.อ.ทรงสิทธิ์ สิงห์สถิตย์ รองสว.สอบสวน สภ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่พฐ. นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 127/1 ม.5 บ้านปลวกง่าม ต.ชมพู เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม หลังเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา มีผู้พบศพนายแหวน คำพรมมี อายุ 52 ปี ถูกฆ่าฝังดินในสวนมะม่วงที่อยู่หลังบ้าน

สืบเนื่องจากเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากนางสิมมา จันทร์ทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ว่าพบศพนายแหวนอยู่ในหลุมดินกว้างประมาณ 1 เมตร ลึกกว่า 1.5 เมตร ในสวนมะม่วงหลังบ้านดังกล่าวซึ่งอยู่ติดกับคลองชมพู จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์ร.พ.เนินมะปราง พบสภาพศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ไม่ได้สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ มือสองข้างถูกมัดด้วยเศษผ้า มีมุ้งสีขาวห่อไว้และคลุมทับด้วยถุงปุ๋ยอีกชั้น และมีถ่านไม้กลบร่างเอาไว้ คาดเพื่อดับกลิ่นเหม็นเน่า ตรวจสอบพบบาดแผลถูกทุบด้วยของแข็งจนเสียชีวิต

ด้านนางแพง กันวงษ์ อายุ 57 ปี พี่สาวของผู้ตายให้การว่า น้องชายหายตัวไปอย่างปริศนา ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา จึงไปแจ้งนางสิมมาผู้ใหญ่บ้านช่วยระดมชาวบ้านและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยช่วยกันตามหา แต่ผ่านมาหลายวันก็ยังไม่พบตัว สุดท้ายจึงไปปรึกษาร่างทรงหวังพึ่งทางไสยศาสตร์ โดยร่างทรงระบุว่า น้องชายถูกฆ่าฝังดินใกล้กับคลองน้ำ จึงได้ออกมาสำรวจค้นหาบริเวณหลังบ้านอีกครั้ง จนไปพบหลุมดินดังกล่าว เมื่อขุดหลุมก็พบศพน้องชายจริงๆ สร้างความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าน้องชายจะถูกคนร้ายลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้

ตํารวจกระจายกำลังตรวจสอบหา หลักฐานในบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบมีดเปื้อนเลือดบริเวณหน้าบ้านจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่บ้านหลังเกิดเหตุได้ติดกล้องวงจรปิดเอาไว้หน้าบ้าน แต่เมมโมรี่การ์ดกลับหายไป คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ตัวคนตาย รู้ความเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นอย่างดี หลังก่อเหตุฆาตกรรมแล้วได้เอาเมมโมรี่การ์ดติดตัวหลบหนีไปด้วย เจ้าหน้าที่เชิญตัวคนใกล้ชิดประกอบด้วย นางแพง นายบรรเจิด กันวงษ์ อายุ 60 ปี สามี และ นายวชิรวิทย์ กันวงษ์ อายุ 36 ปี ลูกชายของทั้งคู่ไปสอบสวน

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบปากคำนางแพง ปรากฏว่าแก้วน้ำที่อยู่ใกล้ๆ เกิดแตกพร้อมกันขึ้นมา 2 ใบ ทั้งที่ไม่มีใครไปโดนแก้วน้ำแต่อย่างใด จนชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะเกิดจากอาถรรพ์ของคนตายที่เฮี้ยนให้ตามล่าฆาตกรก็เป็นได้

ตำรวจสอบปากคำไม่นาน นายบรรเจิดรับสารภาพว่าเป็น ผู้ลงมือก่อเหตุ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้รถไถที่บ้านถูกคนร้ายทุบพังเสียหายเป็นประจำ จึงซื้อกล้องวงจรปิดมาติดเพื่อจับภาพคนร้ายให้ได้คาหนังคาเขา กระทั่งพบว่าผู้ก่อเหตุคือนายแหวนน้องเมีย ประกอบกับความแค้นเก่าที่เคยมีเรื่องกันมา เพราะถูกผู้ตายด่าหยาบคายบ่อยครั้ง ทำให้บันดาลโทสะใช้เพลารถเก่าฟาดจนเสียชีวิตแล้วลากศพไปฝังในสวนมะม่วงหลังบ้าน ส่วนเพลารถอาวุธสังหารโยนทิ้งไว้ข้างๆ หลุมศพ

ขณะที่นายวชิรวิทย์ให้การว่า เป็นคนลงมือหักเมมโมรี่การ์ดกล้องวงจรปิดทั้ง 2 อันทิ้ง หลังจากพบศพนายแหวน เพราะตนมีอาวุธปืนแก๊ปซุกซ่อนอยู่อีกด้วย หากตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดจะพบปืนแก๊ปทำให้กลัวมีความผิดจึงหักเมมโมรี่การ์ดทิ้ง แต่ไม่เกี่ยวกับต้องการช่วยพ่อปกปิดความผิด เพราะตอนนั้นยังไม่ทราบว่าใครฆ่าผู้ตายเลย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหานายบรรเจิด ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ก่อนคุมตัวไว้ดำเนินคดี และสอบปากคำเพิ่มเติมว่าลงมือเพียงลำพังหรือมีผู้อื่นร่วมก่อเหตุด้วย เพื่อให้มีหลักฐานครอบคลุมชัดเจนตามขบวนการยุติธรรม

อีกหนึ่งคดีสยองขวัญ ที่ปิดลงได้อย่างรวดเร็ว

อนุชา แก้วคำมา
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน