ฮอนด้า‘ซิตี้ e-HEV RS’“เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” รถยนต์อีโค คาร์ รุ่นล่าสุดจากค่ายฮอนด้า ถือได้ว่าเป็นแรงผลักดันสำคัญ ที่ทำให้ปีที่แล้วต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ฮอนด้า ผงาดคว้ายอดขายอันดับ 1 มาไว้ในอ้อมกอดอย่างต่อเนื่อง

ด้วยรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างลงตัว ไม่ว่าจะ ซีดาน 4 ประตู หรือแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ขณะที่สมรรถนะใครที่ได้สัมผัสแล้วเป็นร้องว้าวกันทุกคนไป

ที่ผ่านมา ‘ข่าวสด ยานยนต์’ ทดสอบรุ่นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ทั้งซีดาน 4 ประตู และแฮตช์แบ็ก 5 ประตู สร้างความประทับใจอยู่ไม่น้อย

จะมีก็แต่ ‘ซิตี้ อี : เอชอีวี อาร์เอส’ (City : e-HEV RS) ที่ยังไม่ได้ทดสอบสมรรถนะ ว่าแล้วจึงแจ้งไปยังทีมงานประชาสัมพันธ์ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ได้รับ คำตอบให้เข้าไปรับรถได้โดยพลัน

ซิตี้ อี : เอชอีวี รถยนต์ไฮบริด ที่ฮอนด้าเคลมไว้ว่าเป็นแบบ Full Hybrid กับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ขับสนุก และเป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม

อัดแน่นเทคโนโลยี ความสะดวก และปลอดภัยฮอนด้า เซนซิ่ง (Honda SENSING) ไว้เต็มคัน เรียกว่าใส่มาไม่ต่างจากรุ่นใหญ่ ฮอนด้า แอคคอร์ด กันเลย ทีเดียว

นัดรับรถกันที่ย่านบางนาช่วงบ่ายแก่ๆ แน่นอนว่าการจราจรแถวนั้นหนาแน่น เต็มทุกช่องทาง แต่ด้วยความปราดเปรียวของรูปร่างสไตล์ซิตี้ คาร์ ประกอบกับพละกำลังที่มีให้มหาศาล จากการทำงานประสานกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ทำให้ หลบหลีกเพื่อนร่วมทาง ไม่ว่าจะตีนต้น ช่วงออกตัว หรือเร่งแซง ทำได้อย่างสบายมือ

วันรุ่งขึ้นมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ ขยับชิลขึ้นทางด่วนดอนเมือง- โทลล์เวย์ แบบไม่เร่งรีบ จับสังเกตได้อย่างหนึ่งว่าเสียงของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในย่านความเร็วต่ำดังค่อนข้าง ชัดเจน แต่เมื่อเข้าสู่ความเร็วกลางถึงปลาย เสียงเหล่านั้นไม่ได้เข้ามารบกวนเท่าใดนัก

ถ.พหลโยธินที่มุ่งสู่ประตูอีสาน ช่วงนี้ทำถนนเป็นระยะๆ มีทั้งทางเบี่ยง และหลุมบ่อ แต่ด้วยช่วงล่างของซิตี้ ที่ให้ทั้งความหนึบแน่น และนุ่มนวล

ทำให้การโยกหลบ หรือบางครั้งลงไปในหลุมแบบเต็มๆ เพราะถูกดักไว้ทุกเลน ให้ความนุ่มนวลอยู่พอประมาณ

ถึงถ.มิตรภาพ รถราเริ่มบางตา ว่าแล้วไม่รอช้า จัดหนักหาความเร็วปลายกันเสียเลยดีกว่า ค่อยๆ ไต่ความเร็ว 90-110-130 ก.ม./ช.ม. มาได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญการ เก็บเสียงค่อนข้างดี กว่าจะรู้สึกตัวว่ามีเสียงเข้ามาในรถ เกือบ 140 ก.ม.ต่อช.ม.เข้าไปแล้ว

เข็มไมล์ไต่ขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง 150-160-170 ก.ม./ช.ม. ไปจนปริ่ม 180 ก.ม./ช.ม. ซึ่งมีทีท่าว่าจะไม่หมดแค่นี้ เพราะแป้น คันเร่งยังพอมีให้เหยียบได้อีก แต่เท่านี้ก็ถือว่าเกินตัวแล้ว

จังหวะทางชันช่วงอ.มวกเหล็ก การทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้ามีความชัดเจนมาก กำลังเครื่องยนต์ที่เรียกมาได้สูงสุด 98 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว อีก 109 แรงม้า ช่วยกันอย่างแข็งขัน ทางที่ว่าชัน กลับรู้สึกไม่ต่างจากวิ่งทางเรียบ

เข้าเส้นสองเลนสวนขับตามกันไปในช่วงที่มีรถสวนมา มีจังหวะค่อยไล่แซงไปทีละคันสองคัน แม้ความเร็วในช่วงเร่งแซง จะอยู่ที่ 70-80 ก.ม./ช.ม. แต่เมื่อคิกดาวน์เบาๆตัวรถทะยานแรงขึ้น ช่วยให้การแซงแต่ละครั้งไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยใจ

ดีไซน์หากดูผาดๆ แล้วแทบแยกไม่ออกกับเจ้าซิตี้ เทอร์โบ มีตรงโลโก้ตัว H ที่เป็นสีฟ้า เพื่อบ่งบอกความเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ e:HEV และ RS

ภายในตกแต่งเรียบง่าย เน้นโทนสีดำ จอขนาด 7 นิ้วที่เรือนไมล์ แสดงข้อมูลที่จำเป็นในการขับขี่ เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI

สบายใจได้แม้จอดรถไว้กลางแดดจ้า เพราะมีระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต เย็นฉ่ำทันทีที่เข้ามาในรถ

ขับไปขับมาเสียงเตือนน้ำมันใกล้หมด ดังขึ้น พร้อมไฟโชว์ กดดูตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้ อยู่ที่ 717 ก.ม. ขณะที่อัตราสิ้นเปลือง 24.9 ก.ม.ต่อลิตร

แม้จะห่างจากที่ฮอนด้าเคลมไว้ว่าได้ถึง 27.8 ก.ม.ต่อลิตร แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ ไม่ธรรมดา และยังออกน่าประทับใจเสีย ด้วยซ้ำ

อยากรู้ว่ารถแรง แถมประหยัด และรักษ์โลก นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ แวะไปที่โชว์รูม ฮอนด้า ทั่วประเทศ

ส่วนจะคุ้มค่ากับค่าตัว 839,000 บาท หรือไม่ ต้องชั่งน้ำหนักกันเอาเอง

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน