สัมผัสแรก-รถไฟฟ้า‘MG EP’ – ถือได้ว่าเป็นสื่อมวลชนกลุ่มแรกๆ ที่ทดลองขับ ‘MG EP’ รถยนต์ไฟฟ้า 100% แบบ สเตชั่น แวกอน คันล่าสุดของ ค่าย MG

เพราะยังไม่ได้จัดทริปทดสอบอย่างเป็นทางการ อีกทั้ง จำนวนรถที่มีอยู่จำกัดทำให้การปล่อยให้ทดสอบส่วนตัวเป็นไปได้ยากยิ่ง

แต่ด้วยความบังเอิญที่ทีมงาน MG ส่งสารมาชวนไปงานเปิดตัว สถานีอัดประจุไฟฟ้า ‘PEA VOLTA’ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมกับปั๊มน้ำมันบางจาก ที่ปั๊มน้ำมันบางจาก สาขาชะอำ ปาร์ค จ.เพชรบุรี ที่ MG ให้การสนับสนุน

โครงการนี้เขาเน้นให้ทุกๆ 100 ก.ม. ทั้งขาขึ้น และขาล่อง ทั่วทุกภาค ต้องมีสถานีอัดประจุไฟฟ้า เพื่อคลายความกังวลในการ เดินทางไกล

นัดกันแต่เช้าที่ศูนย์ฝึกอบรม และทดลองขับ MG ย่านศรีนครินทร์ใกล้ๆ ซีคอนสแควร์ รถ MG จอดรออยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็น MG HS PHEV

และมี ‘MG EP’ อยู่ 1 คัน ว่าแล้วเลยไม่พลาดที่จะทดสอบกันเสียเลยในคราวเดียว พร้อมกับน้องนักข่าวอีก 2 คน โดยอาสาขับไม้แรกรวดเดียว จากกรุงเทพฯ – อ.ชะอำ

การออกแบบภายนอกดีไซน์ตามแบบฉบับ BRIT DYNAMIC เอกลักษณ์เฉพาะของค่ายนี้

ที่ชาร์จไฟซ่อนอยู่ใต้โลโก้ MG กลางกระจังหน้าขนาดใหญ่ แนวนอน ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน

ด้านท้ายโดดเด่นขึ้นด้วยเส้นแนวนอนโครเมียม ไฟท้าย LED แบบ ELECTRIC PULSE DESIGN ฝาท้ายแม้จะไม่ใช่ไฟฟ้า แต่เวลาเปิดไม่ยากเท่าไหร่

เพียงแค่ต้องใช้แรงนิดหน่อย ดีแต่ว่าตัวรถเท่ากับรถเก๋งไม่ได้สูง เหมือนเอสยูวี หรือพีพีวี ไม่ต้องเอื้อมมากนัก

ล้อแม็กซ์ดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

ได้เวลาออกเดิน กดปุ่มสตาร์ต ทุกอย่างทำงาน แต่เสียงเงียบเกิ๊น ถึงกับต้องถามเพื่อนร่วมคันว่าตกลงมอเตอร์ติดหรือยัง แม้จะมีสัญลักษณ์ READY แล้วก็ตาม

ทุกคนลงความเห็นว่ากดปุ่มดับมอเตอร์ แล้วสตาร์ตใหม่น่าจะดีกว่าเหมือนเดิม ‘เงียบสนิท’ จนได้ยินแต่เสียงลมหายใจกันเองภายในรถคือปกติรถยนต์ไฟฟ้า 100% นั้นเด่นเรื่องเงียบแต่ก็พอมีเสียงมอเตอร์ทำงานแทรกเข้ามาบ้าง

แต่ MG EP เงียบนิ่งจนคิดว่ายังไม่ได้สตาร์ต

ภายในเน้นความเรียบหรู เหลือบดูหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ แสดงข้อมูลไว้ว่าวิ่งไปแล้ว 1 ก.ม. ไฟฟ้าเหลืออยู่ 99% ระยะทางที่ขับได้จากไฟฟ้าที่เหลืออยู่ 321 ก.ม.

ปุ่มเกียร์เป็นแบบหมุนมีให้เลือก 3 ตำแหน่ง R N และ D ไม่มีอะไรซับซ้อน สมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้านั้นไม่ต้องพูดถึง ใครก็รู้ว่าแรงจริง

และ MG EP ก็แรงจริง ตามบุคลิกรถยนต์ไฟฟ้า แตะคันเร่งเบาๆ ไม่ว่าจะออกตัวหรือเร่งแซง ตัวรถทะยานไปข้างหน้าแบบสุดแรง หลังติดเบาะทุกครั้งไป

แม้จะเป็นรถสเตชั่น แวกอน ที่ท้ายยาวกว่ารถเก๋งอยู่พอควร แต่ยังให้ความคล่องตัวไม่น้อยยามใช้งานในเมือง

ยิ่งได้ความแรงของมอเตอร์ประกอบกับพวงมาลัยแสนเบา ช่วยให้การโยกซ้าย ย้ายขวา คล่องมือ

ผ่านแม่กลองถนนโล่ง จัดเต็มความเร็วปลาย เข็มไมล์ไต่ขึ้นไปตามแรงเท้า 150-160-170 ก.ม.ต่อช.ม. แบบไม่ต้องรอให้เหนื่อยใจวันนั้นสุดที่ทะลุ 180 ก.ม.ต่อช.ม.

ช่วงย่านความเร็วสูงด้วยเพราะรถคันนี้เน้นให้ความนุ่มนวล สังเกตได้จากการขึ้นลงสะพานไม่มีแรงสะท้านเลยแม้แต่น้อย ประกอบกับพวงมาลัยที่เบาทำให้ช่วงล่างมีแอบย้วยอยู่เบาๆ

พวงมาลัยที่ว่าเบานี่ จะว่าดีก็ดี เพราะมีจังหวะที่ต้องแซงกระชั้นชิดช่วยให้พ้นอย่างปลอดภัย เพียงแต่แอบตกใจเล็กน้อยกับความเบามือเสียเหลือเกิน

โหมดการขับขี่มีให้เลือก 3 แบบ อีโค (Eco) เน้นความประหยัด ตัวรถหน่วงมากยามถอนเท้า นอร์มอล (Normal) และสปอร์ต (Sport) ดุดัน และช่วงล่างดูกระชับขึ้นเล็กน้อย

ระยะทางที่ทางทีมวิศวกร MG เคลมไว้ที่ 380 ก.ม. ส่วนที่ข่าวสดยานยนต์ ทำไว้วันนั้นเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง 191.4 ก.ม. ไฟฟ้าที่เหลืออยู่ 42% ระยะทางที่เหลือให้วิ่งได้ 130 ก.ม. รวมได้ระยะทาง 321.4 ก.ม.

ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานจริงในวันธรรมดา แต่ถ้าออกท่องเที่ยววันหยุด ขนสัมภาระกันไปให้เต็มท้ายรถ ขับกันไปแบบชิลชิลได้เรื่อยๆ แถมยังสบายใจหากไม่แน่ใจว่าไฟฟ้าจะเพียงพอหรือไม่ เพราะมี สถานีอัดประจุไฟฟ้ารองรับตลอดเส้นทาง

เพียงแต่อาจจะต้องใจเย็นกับระยะเวลาในการชาร์จหน่อยเท่านั้น

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน