‘จอห์นนี่ เดปป์’ทวงยุติธรรม – เบรกเรื่องมหากาพย์คดีความกับอดีตภรรยาแอมเบอร์ เฮิร์ด เอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้หนุ่มนักแสดงดัง จอห์นนี่ เดปป์ หรือ ป๋าเดปป์ของใครหลายๆ คน กำลังมีงานภาพยนตร์เรื่องใหม่มาให้ชม กับ MINAMATA (มินามาตะภาพถ่ายโลกตะลึง) หนังที่สร้างจากเรื่องจริงสะเทือนหน้าประวัติศาสตร์โลก

โดยป๋าเดปป์ เจ้าของฉายานักแสดง พันหน้า ครั้งนี้ปรับลุกส์จนไม่เหลือเค้าเดิม เพื่อรับบทเป็น ดับเบิ้ลยู. ยูจีน สมิธ ช่างภาพนักข่าวชื่อดังสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ถูกส่งไปยังเมืองมินามาตะ จังหวัดคุมาโมโตะ เมืองชายฝั่งทะเลของญี่ปุ่น ที่ได้รับพิษจากผลกระทบของการทิ้งสารปรอทลงในชุมชน

อันเป็นผลจากความประมาทเลินเล่อทางอุตสาหกรรมอย่างร้ายแรงเป็นเวลาหลายทศวรรษโดยน้ำมือของบริษัทชิซโซของ ญี่ปุ่นเอง จนนำไปสู่การเกิดพิษจากสารปรอทในชาวบ้านท้องถิ่น หรือที่โลกรู้จักกันในชื่อ โรคมินามาตะ

ยูจีนได้แทรกตัวเข้าไปอยู่ร่วมกับชุมชนและบันทึกความพยายามของชาวบ้านในการอยู่ร่วมกับโรคมินามาตะ และการรณรงค์เพื่อให้บริษัทชิซโซและรัฐบาลญี่ปุ่นรับรู้ โดยมีเพียงกล้องคู่ใจติดมือ

ภาพถ่ายโดยยูจีนของหมู่บ้านเปื้อนสารพิษ จะถ่ายทอดมิติอันน่าสะเทือนใจที่เกิดกับเพื่อนมนุษย์ และงานที่เขาเพียงถูกมอบหมายให้ทำในตอนแรกได้กลับกลายเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิง

ตัวจริงของ ดับเบิ้ลยู. ยูจีน สมิธ มีชื่อเสียงระดับสากลในด้านภาพถ่ายที่โดดเด่น ตั้งแต่ภาพที่ถ่ายจากแนวหน้าของแคมเปญการรบในมหาสมุทรแปซิฟิก ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้เขาบาดเจ็บครั้งใหญ่ ไปจนถึงภาพของพยาบาลผดุงครรภ์ที่ทำงานในชนบทของรัฐเซาท์แคโรไลนา

ส่วนผลงานที่สำคัญที่สุด ซึ่งส่งผลกระทบและมีอิทธิพลมากที่สุดของเขาคือเรียงความภาพถ่ายผลงานสุดท้ายของเขาซึ่งสร้างขึ้นระหว่างการทำงานภายในระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 1971-1974 ในเมืองมินามาตะ

ภาพถ่ายของ “เด็กหญิงโทโมโกะในห้องอาบน้ำของเธอ” (Tomoko Uemura in Her Bath) ที่ถ่ายไว้ในเดือนธันวาคมปี 1971 ภาพที่แม่กำลังอาบน้ำลูกสาวที่ป่วยด้วยโรคมินามาตะอย่างอ่อนโยน ภาพขาวดำภาพนี้ไม่เพียงถือเป็นภาพถ่ายที่ดีที่สุดของสมิธเท่านั้น

แต่การเผยให้เห็นถึงผลกระทบทางกายภาพของความเจ็บป่วยที่มี ต่อชาวบ้านยังดึงดูดความสนใจ จากทั่วโลก ให้เข้าร่วมแคมเปญ มินามาตะอีกด้วย

ป๋าเดปป์นั้นหลงเสน่ห์ยูจีนเข้าอย่างจัง “เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ ผมหลงเสน่ห์เขา” นักแสดงหนุ่มกล่าว “ผมรู้จัก แมรี่ เอลเลน มาร์ก เป็นอย่างดี เธอเป็นช่างภาพที่ แม็กนั่มมาระยะหนึ่งแล้ว และรู้จักกับยูจีน ผมจึงถามเธอเกี่ยวกับเขาเพราะผมชื่นชมภาพถ่ายของเขา”

“เธอบอกผมว่าเขาเป็นตาโบฮีเมียน อารมณ์แปรปรวนแต่อ่อนไหวเป็นพิเศษ เขาเป็นนักข่าวภาพถ่ายสงครามผู้แข็งกระด้างที่ได้เห็นอะไรๆ มาหมดแล้ว จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับเขาให้ผมฟัง อารมณ์ขันของเขาเป็นแบบ เมื่อคนถามเขาว่า ตัวดับเบิ้ลยูหมายถึงอะไร? เขาจะตอบว่า วิเศษมาก(หัวเราะ) ยูจีน สมิธผู้วิเศษมาก”

การรับบทในมินามาตะของเดปป์จึงเป็นเรื่องง่ายดาย แต่เขาก็ยังกระตือรือร้นที่จะให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการพัฒนา จนถึงจุดที่สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างถูกต้องจริงๆ และต้องการที่จะนำกลุ่ม ผู้ทำงานทั้งหลายมาร่วมงานกัน ผู้ซึ่งเขากล่าวว่า “จะนำพาพลังงานใหม่ๆ และทำให้ได้ภาษาที่ หลากหลายสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้”

มินามาตะ อยู่ภายใต้การผลิตของ Infi nitum Nihil บริษัทโปรดักชั่นของเดปป์เอง ซึ่งนำโดย แซม ซาร์การ์ เพื่อนเก่าแก่และ หุ้นส่วนของเขา ที่จับมือกับ Metalwork Pictures บริษัทโปรดักชั่นอีกแห่งของ แอนดรูว์ เลวิทัส ศิลปินชาวนิวยอร์กที่ ได้รับการยกย่องจากผลงานประติมากรรมภาพถ่ายชื่อ Metalwork Experiment รวมทั้งภาพวาดชื่อ organic abstraction ซึ่งแอนดรูว์ได้ทำหน้าที่ผู้กำกับฯ ในเรื่องนี้ และได้รับคำชื่นชมว่ามาพร้อมกับความครบเครื่อง

เดปป์กล่าวว่า “ผมหวังว่ามันจะเป็นภาพของยูจีนที่ถูกต้องตามที่ผมสามารถรวบรวมจากข้อมูลทั้งหมดที่ผมได้อ่านและจากการพูดคุยกับทุกคนที่รู้จักเขา ซึ่งแน่นอนว่าคือไอลีน (ไอลีน มิโอโกะ สมิธ ภรรยาของยูจีน) ที่บอกว่าเขาเป็นคนซับซ้อนน่ะรู้มั้ย? แบบคนบ้าประเภทอัจฉริยะ เป็นโบฮีเมียนไร้กฎที่เข้ามาในวัฒนธรรมที่สงบเงียบและร่มเย็น เขาเป็นระเบิดเวลา เขาไม่อยากที่จะรู้สึก เขามีความเจ็บปวดอยู่ข้างในจนยอมทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกหนีความรู้สึก แต่ฉันคิดว่ามินามาตะได้เปิดใจของเขาอีกครั้ง”

เมื่อพิจารณาถึงความอ่อนไหวของเนื้อหา ความจริงที่ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด และมีความเกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ความถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดในขั้นตอนการผลิต

ทีมงานได้เดินทางไปยังเมืองมินามาตะ และได้พบกับเหยื่อบางคนและครอบครัวของพวกเขา ซึ่งมีน้ำใจและเอื้อเฟื้อ

สำหรับชุมชนที่ต้องต่อสู้เพื่อตัวเองมาเป็นเวลานาน ซึ่งเมื่อทีมงานขออนุญาตในการนำเรื่องราวมาสร้างเป็นภาพยนตร์ พวกเขาก็ไม่ได้คิดถึงตัวเอง แต่กลับคิดถึงคนอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งเหมือนกับพวกเขาที่ไม่มีปากเสียง และคิดถึงความจำเป็นในการรวมตัวกันและทำให้แน่ใจว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก

แหล่งสนับสนุนที่น่าแปลกใจแต่เป็นเรื่องน่ายินดีอีกแหล่งหนึ่งคือ ฮิโรยูกิ ซานาดะ นักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่น ที่แสดงเป็น มิตซูโอะ ยามาซากิ ผู้นำของนักเคลื่อนไหวที่ช่วยเหลือหลายๆ ครอบครัว ช่วยเหลือผู้ป่วย และพยายามต่อสู้กับบริษัทและรัฐบาล “ฮิโระไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นอะไรกับใคร” เดปป์กล่าว “แต่เขาเป็นโค้ชให้แก่นักแสดงประกอบและยังช่วยเขียนป้ายประท้วง ผมไม่เคยเห็นนักแสดงคนไหนทำแบบนั้นในภาพยนตร์ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

และกว่าจะออกมาเป็นภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งนั้น ต้องมี ส่วนประกอบต่างๆ มากมาย เดปป์นึกถึงช็อตหนึ่งในระหว่างที่ เบอนัวต์ เดลโฮมเม นักถ่ายภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพ ถ่ายทำเขาที่แสดงเป็นยูจีนขณะทำงานอยู่ในห้องมืด ซึ่งกินเวลา 20 นาที

“ผมรู้สึกเหมือนกำลังเต้นรำกับเบอนัวต์ ซึ่งมันสมบูรณ์แบบมากเลยล่ะรู้มั้ย? นี่เป็นส่วนหนึ่งของการที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในกองถ่าย คือไม่ใช่แค่การทำงานร่วมกันระหว่าง นักแสดงและผู้กำกับฯ หรือนักเขียน หรือโปรดิวเซอร์ แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง นักแสดงกับกล้อง”

“ผมคิดว่าเบอนัวต์เป็นอัจฉริยะด้านภาพอย่างแท้จริง เขากับแอนดรูว์รักในสิ่งที่ผมรักเหมือนกันทุกประการ”

ช่วงเวลาที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดมีความหลากหลายอย่างมาก และช่วยก่อกำเนิดการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมสมัยใหม่

“สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้คือเรื่องเล่าของมนุษยชาติ” เดปป์กล่าว “ในแง่ที่ตั้งคำถามว่า คุณจะยอมให้ตัวเองรู้สึกได้มากแค่ไหน? ซึ่งก็จะถามคุณอีกว่า คุณจะรู้สึกเพียงพอที่จะมี ส่วนร่วมหรือไม่? คุณจะไปถึงขั้นนั้นได้ไหม? เพราะสิ่งนี้ควรจะหยุด และสามารถหยุดยั้งได้ เพียงแค่ลงมือทำ แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น”

ซานาดะเองก็มีแง่มุมที่ดีอย่างยิ่งต่อ เรื่องราวเช่นกัน “มินามาตะเป็นกรณีแบบจำลองที่ดี ผมเชื่อแบบนั้น พวกเขาฟื้นตัว กลับมาได้และทำให้ท้องทะเลกลับมาสวยงามอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขาได้สร้างชุมชนที่แข็งแกร่งและครอบครัวของผู้ป่วยก็ภาคภูมิใจในตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นข้อความที่ดี”

สำหรับนักแสดงนำในเรื่อง นอกจาก จอห์นนี่ เดปป์ และ ฮิโรยูกิ ซานาดะ ยังมี มินามิ ในบทของ ไอลีน, เรียว คาเสะ ในบทของนักเคลื่อนไหวนาม คิโยชิ, จุน คุนิมูระ ในบท จุนอิจิ โนจิมะ หัวหน้าบริษัทชิซโซ, บิลล์ ไนฮีย์ กับบท โรเบิร์ต เฮย์ บรรณาธิการนิตยสาร Life ที่ส่งยูจีนไปยังมินามาตะ

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์โลก กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มีกำหนดเข้าฉายให้ชม 13 พฤษภาคม ในโรงภาพยนตร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน