‘แซม’ไม่อายเรียนรู้ เล่าภูมิหลังทำไมจมูกโด่ง – หลังโพสต์รูปตนเองกับคุณแม่ ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว จนมีคนสนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย อดีตพระเอกดัง ‘แซม’ ยุรนันท์ ภมรมนตรี เลยบรรยายเล่าเรื่องราวชีวประวัติของตนเองตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่าให้แฟนๆ รุ่นหลังๆ ฟัง

วันนี้เลยขอเปิดใจพระเอกตลอดกาลที่ยังคงความหล่อสะท้านพิภพ ถึงเรื่องราวดังกล่าว รวมถึงคลินิกสุขภาพ Panacée Medical Center และโรงพยาบาลด้านสุขภาพลักษณะเดียวกันที่ประเทศเยอรมนี

พอลงรูปกับคุณแม่ (เรณู ภมรมนตรี) มีหลายคนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย?

แซม – “วันนั้นไปเจอรูปตอนอายุ 12 ปีถ่ายกับคุณแม่ เลยลงเล่นๆ ขำๆ พอลงแล้วคนก็ทักกันเต็มว่าหน้าตาดีเหมือนคุณแม่ เพราะคุณแม่เป็นนางงาม เลยซักถามพูดกันยาวว่าคุณแม่ลูกครึ่งอะไร ทำไมคุณแซมถึงจมูกโด่ง เขาก็ถามกันมาตั้งแต่เด็กจนผมแก่แล้วก็ยังถามว่าทำจมูกเหรอ จมูกโด่งมาจากไหน เป็นแขกหรือฝรั่ง”

“ถ้าคนรุ่นผมส่วนใหญ่จะรู้ประวัติ แต่วัยรุ่นสมัยนี้อาจไม่รู้ว่าเป็นพระเอกสมัยไหนด้วยซ้ำ ผมเลยลงรูปคุณย่า (แพทย์หญิงแอนเนรี) ไปค้นรูปที่เก่ามากร้อยกว่าปี ว่านี่แหละที่มาของจมูก ตา คิ้ว จนมีคนเอาไปเปรียบเทียบว่าผมหน้าเหมือนคุณย่ามาก คุณย่ากลับชาติมาเกิดหรือเปล่า (หัวเราะ) เลยลงรูปคุณพ่ออีกใบ ซึ่งคุณพ่อก็หน้าเหมือนคุณย่าด้วย ก็กลายเป็นเรื่องราว ไม่คิดหรอกว่าจะเป็นที่สนใจ แต่ก็พยายามเล่าเท่าที่เล่าได้ครับ”

คุณปู่คุณย่าไปยังไงมายังไงถึงได้ครองรักกัน?

แซม – “คุณปู่ (คุณพระชำนาญคุรุวิทย์) เป็นลูกพระยา เป็นมหาดเล็ก เป็นผู้บัญชาการการรบ ได้เป็นทหารไทยคนแรกที่ไปเรียนวิชาทหารที่เยอรมัน เอาความรู้กลับมาสู่กองทัพไทยในรัชกาลที่ 5 ครับ ไปเรียนที่เยอรมันพบรักกับคุณย่าซึ่งเป็นหมอเพิ่งจบโรงเรียนแพทย์ เป็นลูกสาวอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮันโนเวอร์ เป็นผู้หญิงยุโรปคนแรกที่แต่งงานกับคนไทย แต่งกันที่เยอรมัน”

“พอคุณปู่คุณย่าเรียนจบก็กลับมาเมืองไทย คุณปู่ได้เป็นผู้บัญชาการการรบที่ชายแดน ต้านกองทัพฝรั่งเศสถึง 6 ปี โดยมีคุณย่าติดตามไปเป็นทั้งแพทย์สนาม ฝึกสอนพยาบาล ว่างจากรบก็ช่วยรักษาชาวบ้านจนเป็นที่เรียกติดปากว่าหมอแหม่ม และคุณย่าก็ให้กำเนิดลูกสาวสองคน ชื่ออำพันและอรุณวดี”

“กลับจากรบ คุณปู่ได้รับแต่งตั้งเป็นท่านทูตทหารประจำกรุงเบอร์ลินที่เยอรมัน คุณย่าก็ได้รับรางวัลมากมาย คุณย่าติดตามคุณปู่ไปเยอรมัน ซึ่งคุณย่าตั้งแต่มาอยู่เมืองไทย 6-7 ปีก็พูดไทยได้ตั้งแต่ตอนนั้น และยังช่วยสอนภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ ให้เจ้านายท่านผู้ใหญ่ด้วย”

“คุณย่าคลอดคุณพ่อ (พลโทประยูร) ที่เยอรมัน ตอนท้องแก่คุณหมอตรวจพบว่าคุณย่ามีอาการเลือดเป็นพิษ ตอนนั้นท้องใหญ่เป็นลูกแฝด (ประยงค์-ประยูร) หมอถามคุณปู่ว่าถ้าเลือกระหว่างเก็บแม่ไว้ หรือเก็บลูกไว้ จะเลือกใคร คุณปู่ตอบแบบไม่คิดเลยว่าเก็บคุณย่าไว้ คุณปู่มีเหตุผลคือเก็บภรรยาไว้ เพราะภรรยายังมีลูกอีกต่อไปได้ แต่ถ้าเก็บลูกไว้แล้วใครจะเลี้ยงลูกต่อ เขาก็รักคุณย่ามากด้วย พ่อก็เลยเข้าใจ และเรียกตัวเองว่าแฝดเดนตาย ด้วยความที่ 8 เดือนต้องผ่าออก โชคดีสมัยนั้นวิวัฒนาการการแพทย์เยอรมันเขาดี ก็อยู่ในตู้หลายเดือน มาก”

เรียกว่าเป็นโชคดีที่คุณปู่เลือกคุณย่า แล้วโชคดีที่แฝดรอดเลยมีคุณพ่อ และมีพี่แซม ในวันนี้?

แซม – “ทุกอย่างมันอยู่ที่เขาลิขิตมาแล้วครับว่าสุดท้ายแล้วมันเป็นแบบนี้”

เรื่องนี้คุณพ่อคุณแม่เล่า หรือ เราเกิดทันเห็นคุณย่าตอนเล็กๆ?

แซม – “ไม่ทัน ไม่มีลูกคนไหนทันคุณย่าเลย เพราะตัวผมเองคุณพ่อก็เกือบ 60 ปีแล้ว ผมเป็นลูกคนเล็ก เป็นลูกท้ายลูกหลง ก็ยังทันที่คุณพ่อเล่าเรื่องต่างๆ เล่าแบบสนุกๆ ตอนวัยเด็กผมก็มาอ่านเพิ่มอีก เพราะคุณพ่อมีบันทึกไว้ในหนังสือชีวิต 5 แผ่นดินของคุณพ่อ ซึ่งพอฟังคุณพ่อกับมาอ่านหนังสือความรู้สึกมันต่างกัน”

ตอนนี้ยังช่วยธุรกิจของทางบ้านที่เยอรมันไหม ที่ทำโรงแรมกับโรงพยาบาล?

แซม – “ยังอยู่ครับ แต่ไม่ใช่มรดก บางคนเข้าใจว่าเป็นมรดกจากคุณย่า ไม่ใช่ครับ ผมทำโรงพยาบาลที่เมืองไทยอยู่แล้ว เริ่มต้นจากการทำธุรกิจเรื่องสุขภาพ แล้วผมไปทำที่ประเทศเยอรมันด้วย ทีนี้จะทำที่ใหม่ก็ต้องหาที่ จนไปเจอปราสาทเก่า 200 ปี สวยมาก มันมีประวัติมากจนต้องเอา ทุกคนเห็นด้วย ด้วยความใหญ่เราก็แบ่งส่วนหนึ่งเป็นคลินิก อีกส่วนเป็นโรงแรมทำเป็น 5 ดาว ซัพพอร์ตคลินิกอีกทีหนึ่ง สำหรับคนที่มาดูแลคนไข้”

“สุดท้ายทุกคนก็ให้ผมบริหารในฐานะที่คุ้นเคยกับเยอรมัน แต่ความยากคือเราหัวดำต้องไปปกครองฝรั่ง จะทำยังไงจะซื้อใจเขาบางทีเขานินทาเราเป็นภาษาเยอรมัน เราก็อดทนฟัง บางวันเราพูดกับเขาด้วยภาษาเยอรมัน เขาก็แบบเข้าใจภาษาเยอรมันตั้งนานทำไมไม่บอก”

“แต่ตอนนี้โรงแรมที่เยอรมันคือปิด ด้วยสถานการณ์โควิด สองคือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเรา ทุกทีเวลาปิดตกแต่งจะปิดบางส่วน แต่จีเอ็มคนใหม่บอกหน้าหนาวปิดไปเลย 5 เดือน แล้วค่อยเปิดใหม่ เราก็เชื่อและปิดโรงแรม เพื่อตกแต่งใหม่ ปรากฏพอ จะเปิดใหม่ เปิดไม่ได้เพราะเขาไม่อนุญาต เพราะอันเดอร์กฎหมายใหม่ มีข้อบังคับมากมาย เราต้องรื้อใหม่ทั้งโรงแรม ก็เลยยังเปิดไม่ได้ แล้วมาเจอโควิดด้วย ก็เลยปิดมาเกือบ 3 ปีแล้ว”

ค่อนข้างเสียหายไหม กับรายได้ที่ขาดไป รวมถึงคนงาน ที่เดือดร้อน?

แซม – “พนักงานเขามีประกันสังคมของเขาให้ เพราะเป็นการปิดชั่วคราวเพื่อปรับปรุง แต่ในส่วนของคลินิกไม่ได้ปิด ฉะนั้นในเรื่องธุรกิจโรงพยาบาลและคลินิกมันคงยังอยู่ เพียงแต่ไม่มีบริการโรงแรม 5 ดาว”

แบกรับภาระจากการทำงานเยอะเลย?

แซม – “ผมมีความสุขครับ คติในชีวิตผมคือทำทุกอย่างให้มีความสุข ตื่นมาก็มีความสุขกับงานที่ทำ คนเราโชคดีถ้ามีโอกาสทำงานที่ตัวเองชอบ อย่างน้อยมันก็ประสบความสำเร็จไปได้ครึ่งทางแล้ว เราไม่ใช่คนเก่งที่พูด แต่เราเป็นคนพยายาม ไม่อายถ้าจะเรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้”

“อย่างไปอยู่เยอรมันเวลาพนักงานไม่พอ ผมไปช่วยพนักงานด้วยซ้ำ ลูกผมก็ไปช่วยเสิร์ฟ ซึ่งกว่าจะซื้อใจเขาได้ กว่าจะสอนให้เขาไหว้ไทยได้ หลังๆ ฝรั่งไหว้สวยกว่าคนไทย คือเขาไหว้เพราะเขารู้สึกว่าเขาอยากไหว้ แรกๆ เขางง ทำไมต้องทำ แต่เราสามารถทำให้เขาทำโดยสนิทใจ ไหว้และยิ้มดีกว่าคนไทยหลายคนที่ทำอีกนะ มันทำด้วยใจ ไหว้ด้วยใจ นั่นแหละครับเขานับถือเจ้านายแบบเรา เจ้านายคนเอเชีย”

ทำไมถึงเลือกอยู่เมืองไทย แทนที่จะย้ายไปทำธุรกิจที่เมืองนอก?

แซม – “ผมเลือกเมืองไทยอยู่แล้วครับ ไม่เคยคิดจะไปอยู่ที่นู่นเลย เพราะผมรักเมืองไทย แต่มันเป็นธุรกิจที่เราจะต้องทำ แล้วโรงพยาบาลของผมเอามาจากเยอรมัน เป็นคลินิกแพทย์ทางเลือก ยังไงก็ต้องทำงานร่วมกับเยอรมัน เพียงแต่เราต้องมีตัวแม่ที่นู่น ตัวลูกที่นี่ ต้องมีคนประสานได้ แล้วหุ้นส่วนผมแต่ละคน ไม่มีใครถนัดด้านนี้ ทุกคนมีเงินมาลงทุนเฉยๆ ผมก็เลยได้ไปทำในสิ่งที่ผมไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ แต่เราก็ไม่อายที่จะเรียนรู้ ไม่อายที่จะไปง้อคนเก่งมา ช่วยงาน นั่นแหละครับคือสิ่งที่ทำให้เราเติบโตได้ ไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่อง แต่อาศัยความใส่ใจ ความรัก เรียนรู้คนที่เขาเก่งกว่าเราครับ”

สุชาวดี อภิสัมภินวงค์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน