ห่วงสลายม็อบแรง-น้ำผึ้งหยดเดียว – เมื่อวันที่ 19 ก.ค. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตาในการสลาย ‘ม็อบ 18 กรกฎา’ ของกลุ่มราษฎรและแนวร่วมเครือข่ายว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจควรยืนข้างความถูกต้อง ไม่มีประโยชน์ที่จะยืนเพื่อรักษาอำนาจรัฐที่ล้มเหลว แทนที่จะมีทัศนคติ อันเป็นลบต่อผู้ชุมนุม ควรเห็นใจและเปิดใจรับฟัง

ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 วิกฤตหนักรอบด้าน แต่ประชาชนกลับเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ฝ่าโควิดไปชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ล้มเหลว เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ เพราะประชาชนไม่แน่ใจว่า ระหว่างโควิด-19 กับรัฐบาลที่ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ แต่พยายามสืบทอดอำนาจทุกวิถีทาง เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองไว้ให้นานที่สุด อะไรน่ากลัวกว่ากัน

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก้าวไกล กล่าวว่า การที่ประชาชนออกมาชุมนุมครั้งนี้มีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข 2.ปรับลดงบประมาณสถาบัน-กองทัพ เพื่อสู้โควิด-19 และ 3.เปลี่ยนวัคซีนหลักเป็นชนิด mRNA ข้อเรียกร้องเหล่านี้เกิดจากที่ประชาชนได้เห็นแล้วว่าในวิกฤตโควิด-19 รัฐบาลล้มเหลวในทุกด้าน แม้กระทั่งการมองประชาชนให้เป็นมนุษย์

ขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบเรื่องการชุมนุม และรัฐบาลช่วยตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติคืนมาได้หรือไม่ แล้วมองให้ชัดเสียทีว่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมล้วนเป็นผลกรรมที่มาจากการปกครองของท่าน หากคิดว่าการใช้ความรุนแรงแล้วสยบประชาชนได้เสมอคือทางออก ท่านกำลังคิดผิด เพราะไม่มีใครสามารถอดทนยอมถูกอีกฝ่ายใช้ความรุนแรงเพียงข้างเดียวได้ตลอดไป หากวันใดฟางเส้นสุดท้ายหรือเกิดน้ำผึ้งเพียงหยดเดียวขึ้น สถานการณ์อาจลุกลามบานปลายอย่างไม่หวนกลับคืน รัฐบาลจะโทษใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากตัวเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน