แบงก์ชาติห่วงหนี้ครัวเรือนเกิน90%จีดีพีแบงก์ชาติเร่งแก้หนี้ครัวเรือนไทย ไตรมาส 1 ขยับเกิน 90% ของจีดีพี พุ่งสูงกว่าหลายประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก เหตุรายได้ลดแต่หนี้เท่าเดิม หนี้เยอะสุดที่อยู่อาศัย 34% บัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคล 28% เปิดตัวหมอหนี้-ลดค่าธรรมเนียมแบงก์ และลดดอกเบี้ยบางส่วน

นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้มีปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นในทุกประเทศ สำหรับประเทศไทย หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นสูงกว่าหลายประเทศ โดยไตรมาส 1/2564 มีหนี้ครัวเรือนคิดเป็น 90.5% ของจีดีพี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากรายได้หดตัว ขณะที่ภาระหนี้เดิมที่มีอยู่ เพิ่มสูงขึ้น

ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่ เป็นหนี้เพื่อที่อยู่อาศัย 34% สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต 28% และมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากมีเจ้าหนี้หลากหลาย ทั้งหนี้จากธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีสัดส่วน 72% คิดเป็น 3 ใน 4 ส่วนที่เหลือ อยู่นอกการกำกับดูแลของ ธปท. จึงต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน

ที่ผ่านมา ธปท.เร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนทั้งต้นน้ำ คือให้ความรู้ทางการเงินแก่ภาคประชาชน ไม่ก่อหนี้เกินตัว กลางน้ำ ออกมาตรการกำกับดูแล และวางกฎเกณฑ์ ควบคุมดูแลเจ้าหนี้ และปลายน้ำ วางโครงสร้างพื้นฐาน สร้างเครื่องมือ กลไก ในการแก้ปัญหาหนี้ เช่น คลินิกแก้หนี้ ทางด่วนแก้หนี้ มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ เป็นต้น รวมทั้งมาตรการลดเพดานดอกเบี้ย สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ลงอีก 2-4%

“ในเดือน ส.ค.นี้ ธปท.จะเปิดตัวโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน อย่างเป็นทางการ นำร่องผ่านเว็บไซต์ ธปท.ไปบ้างแล้ว โครงการนี้ จะให้คำแนะนำ ช่วยเหลือลูกหนี้รายกลุ่ม ทั้งรายย่อย และธุรกิจ โดยได้รับความร่วมมือจากทุกสถาบันการเงิน เข้ามาให้คำแนะนำ บริหารจัดการหนี้ ทั้งการลดหนี้ หารายได้ ควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นต้น”

ที่ผ่านมา ธปท.เข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้แล้วกว่า 1.66 ล้านล้านบาท หรือ 4.4 ล้านบัญชี เช่น โครงการคลินิกแก้หนี้ ช่วยไปแล้วกว่า 1.9 หมื่นคน 6 หมื่นบัญชี วงเงิน 5 พันล้านบาท ทางด่วนแก้หนี้ กว่า 2.8 แสนราย มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ กว่า 2.67 แสนบัญชี และล่าสุดสินเชื่อเช่าซื้อ กว่า 2.2 หมื่นราย

นางธัญญนิตย์กล่าวอีกว่า ในปี 2565 จะมีปัญหาใหญ่ที่ต้องติดตาม คือ หนี้ภาคการเกษตร ซึ่งมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดูแลลูกหนี้ส่วนใหญ่ ดังนั้น การที่ ธปท.จะเข้าไปวางกฎเกณฑ์ การตัดหนี้ จึงทำได้ยาก แต่ก็อยากเห็นแนวปฏิบัติแบบธนาคารพาณิชย์ มาใช้กับ ธ.ก.ส. แม้ว่า จะมีกฎหมายเฉพาะ

ส่วนกรณีเสนอให้ ธปท.พิจารณาปรับลดเพดานดอกเบี้ยรายย่อย อาทิ ดอกเบี้ยบัตรเครดิต หรือสินเชื่อบุคคล ขณะนี้ ธปท.กำลังพิจารณาอยู่ ยังไม่มีคำตอบว่าจะลดหรือไม่ลด เพราะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ให้รอบคอบทุกด้าน

ทั้งการกำหนดราคาที่เหมาะสม และการเข้าถึงแหล่งเงินของประชาชนบางกลุ่ม เพราะหากมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ลูกหนี้ ที่มีความเสี่ยงสูงก็จะไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินในระบบได้ ซึ่งต้องไปพึ่งพาหนี้นอกระบบแทน

นอกจากนี้ภายในไตรมาส 3/2564 เตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำกับดูแลค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) ของธนาคารพาณิชย์รวมกว่า 300 รายการ เพื่อให้การคิดค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมต่างๆ สะท้อนต้นทุนและรายได้แท้จริงของสถาบันการเงินมากที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน