ยุคใหม่ของทัพกรีฑาอิตาลี – อิตาลีเรียกเสียงฮือฮาอย่างมากในโอลิมปิกเกมส์ 2020 กับผลงานการแข่งขันกรีฑาที่คอกีฬาตะลึงกันทั้งโลก

นอกจากจำนวนเหรียญทองกรีฑาเป็นสถิติใหม่ของชาติแล้ว อิตาลียังซิวแชมป์จากวิ่งระยะสั้นทั้ง 100 เมตรชาย และผลัด 4×100 เมตรชาย แบบพลิกความคาดหมาย

ย้อนไปเมื่อโอลิมปิกเกมส์ 2016 อิตาลีล้มเหลวกับกรีฑาโดยสิ้นเชิง เนื่องจากไม่มีเหรียญอะไรติดมือเลย

สหพันธ์กรีฑาอิตาลีที่ตอนนั้นมี อัลฟิโอ โจมี เป็นประธานอยู่ ตัดสินใจทุ่มงบประมาณก้อนโตกว่าเดิม โดยมีเป้าหมายเพื่ออนาคตระยะยาว

นอกจากเน้นปั้นนักกีฬาอายุน้อยแล้ว สหพันธ์ยังใส่ใจเรื่องผู้ฝึกสอนด้วย โดยจ้างทีมงานเทคนิคเฉพาะด้านจำนวนมาก วางโครงสร้างทั้งศูนย์กลางและภูมิภาค

สหพันธ์กรีฑาอิตาลีเคยใช้งบประมาณเฉลี่ยปีละ 3 ล้านยูโร แต่หลังจากริโอเกมส์ที่ว่างเปล่า งบประมาณถูกเพิ่มเป็นเฉลี่ยปีละ 5.3 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับรายรับที่สหพันธ์ได้มาแต่ละปี ก็ตกราว 20% เลยทีเดียวต่อมาประธานคนปัจจุบันอย่าง สเตฟาโน เมย ก็สานแผนงานนี้ต่อ โดยเจ้าตัวบอกว่าที่ผ่านมาสหพันธ์ให้ความเชื่อมั่นในเหล่าดาวรุ่ง หาโอกาสให้แต่ละคนแข่งขันเพื่อแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ และไม่โยนความกดดันใส่จนเกินไป

อย่างไรก็ตาม เมยบอกว่าสหพันธ์ก็ไม่ได้สักแต่จะใช้การจัดการใหม่ทั้งหมด เพราะยังมีการจัดการรูปแบบดั้งเดิมที่ถูกนำมาปรับใช้ด้วย

เมยบอกว่าที่ผ่านมากรีฑาอิตาลีประสบความสำเร็จระดับเยาวชนพอสมควร แต่นักกีฬามักตกม้าตายเมื่อก้าวสู่ระดับอาชีพ กลายเป็นโจทย์ที่สหพันธ์หาคำตอบ ในการต่อยอดระบบสร้างเยาวชนแบบดั้งเดิม ผสานการสร้างนักกีฬาอาชีพแบบแนวทางใหม่

โอลิมปิกเกมส์หนนี้ อิตาลีมีนักกรีฑาอย่าง มาร์เซลล์ จาค็อบส์ นักวิ่งระยะสั้น และจานมาร์โก ตัมเบรี นักกระโดดสูง กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก

ทั้งจาค็อบส์และตัมเบรีอยู่ในกลุ่มนักกีฬาที่ความคาดหวังสูง ซึ่งสหพันธ์จะกำหนดแนวทางและทีมงานสำหรับนักกีฬาเหล่านี้โดยเฉพาะ เพื่อให้แต่ละคนพร้อมต่อสู้เวทีระดับโลก

ทั้งนี้ เมยบอกว่าสหพันธ์จะไม่หยุดเพียงแค่โตเกียวเกมส์ เพราะแผนงานที่วางไว้นี้มีเป้าหมายถึงปี 2024 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพเลยทีเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน