มิตซูฯ‘เอาต์แลนเดอร์ PHEV’ – กระแสรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรา วันนี้ได้รับการพูดถึงกันอย่างมาก ด้วยเพราะปัญหามลพิษ ที่มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

แต่หลายคนก็ยังคงมีความกังวลในข้อจำกัดการใช้งาน ดังนั้นอะไรถึงจะตอบโจทย์ นักเลงรถหัวใจสีเขียวในยุคนี้ได้ดีที่สุด

หันซ้ายหันขวา ดูเหมือนว่า รถยนต์แบบ ‘ปลั๊ก-อิน ไฮบริด’ (PHEV) น่าจะใช่คำตอบ เพราะใช้งานไฟฟ้าได้ 100% และยังไม่ต้องกังวลหากไฟฟ้าหมด เพราะมีเครื่องยนต์เข้ามาทำงานต่อเนื่อง

ในบรรดาที่ทำตลาดบ้านเราอยู่นั้น ‘มิตซูบิชิ’ เป็นค่ายญี่ปุ่นเพียงรายเดียว ที่มีรถยนต์ PHEV กับรุ่น ‘เอาต์แลนเดอร์’ ที่ชูเรื่อง การใช้พลังงานไฟฟ้า ที่นอกจากขับเคลื่อน ได้ไกล 55 ก.ม.แล้ว ยังสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังสูงสุด 1,500 วัตต์ ได้อีกด้วย

หากไฟฟ้าในแบตเตอรี่หมดเลือกโหมดให้เครื่องยนต์ปั่นไฟฟ้าเข้าไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ มีไฟฟ้าให้ใช้งานได้ต่อเนื่องจนกว่าน้ำมันในรถจะหมดนั่นแหละ

แวะเข้าไปรับรถที่ศูนย์อบรมมิตซูบิชิมอเตอร์ส ที่ย่านลำลูกกา คลอง 4 ขับกลับมายังอาคารสำนักงานข่าวสด เลือกเส้นทาง ถ.พหลโยธิน

ต้องการเข้าไปเจอกับการจราจรที่พลุกพล่านสักหน่อย เพื่อทดสอบการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้า

ออกเดินทางด้วยเสียงที่เงียบกริ๊บ ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนๆ เพราะในแบตเตอรี่มีไฟฟ้าอยู่เต็ม 100%

ออกตัวแม้จะไม่จี๊ดจ๊าดมากนักเมื่อเทียบกับการใช้งานไฟฟ้า แต่ก็ ไม่อืดเป็นเรือเกลือ

กำลังในช่วงตีนต้นที่มาจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ส่งกำลังไปที่ล้อแยกกันหน้า-หลัง ตัวหน้าให้กำลังสูงสุด 82 แรงม้า ส่วนตัวหลังให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า

และด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่มองเห็นเหตุการณ์ด้านหน้าได้ไกลหลายช่วงตัว ทำให้หลบหลีกเพื่อนร่วมทางสบายมือ

เหลือบมองเข็มไมล์บางจังหวะไต่ขึ้นไปถึง 70-80 ก.ม.ต่อช.ม. แต่ระบบไฟฟ้ายังคงทำงานอย่างมั่นคง แต่ยังไปไม่ถึงสเป๊กระบุไว้ว่า สามารถขับด้วยไฟฟ้าได้สูงสุด 135 ก.ม.ต่อช.ม.

ในที่สุดพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ก็หมดลง เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ไมเวค เข้ามาทำงานแทนที่แบบไม่รู้สึกถึงรอยต่อ ได้ระยะทางไปทั้งสิ้น 53 ก.ม.

ไม่น้อยเลยทีเดียว หากรูปแบบการใช้งานเช้าไปทำงานเย็นกลับบ้าน เสียบปลั๊กชาร์จไฟบ่อยๆ เครื่องยนต์แทบไม่มีบทบาทกันเลยทีเดียว

สังเกตหน้าจอแสดงสถานะรถ พบว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในโหมด ‘ซีรีส์ ไฮบริด’ (SERIES HYBRID) คือเครื่องยนต์ปั่นไฟฟ้ามาที่แบตเตอรี่ ส่วนการขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อมาจากพลังงานไฟฟ้า

แต่หากกดคันเร่งหนัก กำลังจากเครื่องยนต์ที่มีอยู่ 128 แรงม้า จะเข้ามาช่วยเสริมที่ล้อหน้าในทันที เป็นสองพลังแข็งขัน ทำให้กำลังที่ได้สูงสุดอยู่ที่ 305 แรงม้า

ช่วงล่างเซ็ตมาเน้นไปทางนุ่มนวลด้วยเพราะเป็นรถแบบครอบครัว ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต/เหล็กกันโคลง ด้านหลังมัลติลิงก์/เหล็กกันโคลง

พวงมาลัยค่อนข้างคม ทำให้การเปลี่ยนเลนหรือเข้าโค้งบนความเร็วสูง ทำได้อย่างกระชับฉับไว

ดีไซน์ภายนอก บ่งบอกถึงความเป็นรถพรีเมียม SUV กระจังหน้าแบ่งสองชั้นติดตั้งโลโก้ทรีไดมอนต์ขนาดใหญ่ ต่อเนื่องกับชุด ไฟหน้า คิ้วกันชนโครเมียม เพิ่มความโดดเด่น และแสดงถึงเอกลักษณ์รถรุ่นใหม่ของมิตซูบิชิ

ภายในเบาะนั่งหนังเย็บลายหรูหรา พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ รวมถึงสมาร์ตโฟนผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธ

เกียร์ไฟฟ้ารูปแบบจอยสติ๊ก สามารถปลดเกียร์ไปที่ตำแหน่ง N ได้ในไม่กี่ขั้นตอน สบายใจได้หากต้องไปจอดรถขวางหน้าใครในห้าง

ค่าตัวเริ่มต้นที่ 1.64 ล้านบาท และตัวท็อปราคาอยู่ที่ 1.749 ล้านบาท

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน