‘ตู่’ขอบคุณกองเชียร์-ลุย5ภารกิจ – เมื่อวันที่ 6 ก.ย.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอบคุณทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนทั่วประเทศที่ต่างให้กำลังใจผ่านช่องทางต่างๆ สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ทำงานต่อไป

โดยจะเร่งทำงานเพื่อให้ประชาชนปลอดโรค ปลอดภัย แต่เมื่อตัดภาพมาที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งจัดแคมเปญให้ประชาชนมาลงชื่อ “รวมพลไล่ประยุทธ์” โดยระบุว่ามีล้านกว่าคนมาลงชื่อไว้นั้น ยังน่าสงสัยว่าสามารถที่จะยืนยันตัวตนได้จริงหรือไม่

“ส่วนเพจรักลุงตู่ ที่มีการลงคะแนนสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์กว่า 5.1 ล้านคน ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จัดทำ ซึ่งที่ผ่านมาผมเคยแจ้งแล้วว่า ไม่ต้องการเห็นภาพความแตกแยก นายกฯเน้นย้ำถึงพลังความสามัคคีของคนในชาติ ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนบ้านเมืองไปสู่จุดหมายร่วมกัน ดังนั้น นายกฯ จึงไม่ต้องการให้เกิดกระแสแบ่งแยกหรือความ เกลียดชังแม้กระทั่งในโลกออนไลน์ก็ตาม” นายธนกรกล่าว

ด้านน.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังการลงมติไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยคะแนน 264 เสียง ถือเป็นฉันทานุมัติให้ทำภารกิจต่อ โดยภารกิจเร่งด่วนคือ การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และมาตรการด้านเศรษฐกิจ 5 กลุ่มหลัก คือ 1.เร่งตัดวงจรการแพร่ระบาด โดยช่วงกลางเดือนก.ย.นี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะปูพรมแจก ชุดตรวจโควิดแบบตรวจด้วยตนเอง ATK 8.5 ล้านชิ้น ใน 3 กลุ่มเสี่ยง มีการปรับแผนจุดตรวจคัดกรองโควิด

2.การเยียวยาผลกระทบจาก โควิด ซึ่งในวันที่ 7 ก.ย.กระทรวงแรงงานเสนอครม.อนุมัติกรอบวงเงินให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 อีกคนละ 2,500 บาท หลังจากจ่ายงวดแรกเมื่อเดือนส.ค. คนละ 2,500 บาท เท่ากับจะได้รวมเป็นเงิน 5,000 บาท นอกจากนี้ยังมีมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ

3.กลุ่มท่องเที่ยว เดินหน้าการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ ซึ่งการเปิดประเทศระยะที่ 2 จะเริ่มวันที่ 1 ต.ค.นี้ในอีก 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี (พื้นที่พัทยา บางละมุง สัตหีบ) เพชรบุรี (พื้นที่ชะอำ) ประจวบคีรีขันธ์ (พื้นที่หัวหิน) และเชียงใหม่ (พื้นที่อ.เมือง แม่แตง แม่ริม และดอยเต่า) คาดว่าจะมีรายได้จากการ ท่องเที่ยวและทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนของแต่ละพื้นที่

4.กลุ่มการลงทุน เดินหน้าการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมการลงทุนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เน้นไทยลงทุนไทย ตามโมเดลแผนพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม หรือ BCG พัฒนาเศรษฐกิจใน 3 มิติ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม

5.รัฐบาลกำลังเดินหน้า ปรับปรุงโครงสร้างคมนาคมในหลายจังหวัด เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 ก.ม. วงเงินก่อสร้าง 19,700 ล้านบาท ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) ช่วงรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 18 ก.ม. วงเงินก่อสร้าง 28,135 ล้านบาท มอเตอร์เวย์ทางยกระดับช่วงศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18.5 ก.ม. วงเงิน 35,685 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งจะรองรับการพัฒนาเมืองในอนาคตและยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน