คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม

โดย…เภรี กุลาธรรม

เจ๊งแล้ว8.5แสนล้าน – ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมิน ผลกระทบจากการระบาดของ โควิด-19 ระลอกสาม ตั้งแต่เดือนเม.ย.-ก.ย.

สูญเสียต่อเศรษฐกิจแล้วกว่า 8.5 แสนล้านบาท หรือ 5.3% ของจีดีพี

รุนแรงมากกว่าระลอกแรกและระลอก 2 แต่ความช่วยเหลือของรัฐที่ออกมาเพียง 2-3 แสนล้านบาทเท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอ

คาดว่ารัฐบาลจะต้องออกมาตรการเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือ ซึ่งจะเป็นการใช้เม็ดเงินจนหมด พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และ อีก 2 แสนล้านบาท จากพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ที่ขณะนี้แผลค่อนข้างรุนแรง

จากสถานการณ์ดังกล่าว กลุ่มงาน Economic Intelligence Center หรือ EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จึงปรับลดประมาณการ ขยายตัวเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2564 ลงเหลือ 0.7% จากเดิมคาดไว้ที่ 0.9%

อันเป็นผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม ที่รุนแรงและ ยืดเยื้อ รวมทั้งมาตรการล็อกดาวน์

ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนได้รับผลกระทบอย่างมาก เห็นจากดัชนีการบริโภคเดือนก.ค.ที่หดตัวถึง 8.1%

ขณะเดียวกันก็เสนอว่ารัฐบาลควรกู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทถึง 1 ล้านล้านบาท เพื่อฟื้นฟูการบริโภค และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย แม้ระดับหนี้สาธารณะจะปรับสูงขึ้นกว่าเพดานหนี้ที่ 60% ต่อจีดีพี

แต่หากใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารจัดการได้ เพราะขณะนี้ดอกเบี้ยต่ำและสภาพคล่องในประเทศมีอยู่สูง จะเป็นประโยชน์มากกว่า และช่วยลบแผลเป็นของเศรษฐกิจไทยได้

อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่จีดีพีปีนี้จะติดลบถึง 0.5% หากเกิดการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรง และต้องกลับมาคุมเข้มมาตรการล็อกดาวน์ในไตรมาสที่ 4

เห็นการวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย ที่ดำดิ่งลงอย่างมาก ยิ่งเป็นห่วงอนาคตของประเทศ และต้องใช้มืออาชีพมากกว่านี้

ฟังจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ชี้แจงสภาเมื่อครั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ยังโหมประโคมว่าบริหารเศรษฐกิจได้ดีทุกด้าน

แต่ในความเป็นจริง กลับตรงกันข้าม!!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน