สปีช‘ไบเดน-สีจิ้นผิง’ปชต.ขัดกัน – เมื่อวันที่ 22 ก.ย. เอพีรายงานเนื้อหาการกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำสองมหาอำนาจจีน-สหรัฐอเมริกา บนเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ยืนยันไม่มีเป้าหมายก่อสงครามเย็นครั้งใหม่ หลังสหประชาชาติและนานาประเทศแสดงท่าทีวิตกกังวล ทั้งสองประเทศมีเป้าหมายลดภาวะโลกร้อนอย่างแข็งขันเป็นรูปธรรม แต่ยังปรากฏถ้อยคำที่แสดงถึงความไม่ลงรอยกันระหว่างชาติทั้งสองในประเด็นประชาธิปไตย
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวผ่านวิดีโอที่อัดล่วงหน้า ชี้ว่าโลกกำลังอยู่ในภาวะปั่นป่วนและการเปลี่ยนผ่าน ทั้งชูประเด็นว่าประชาธิปไตยไม่ใช่สิทธิพิเศษสำหรับบางประเทศ แต่เป็นสิทธิของทุกประเทศที่จะนำมาใช้ การนำกำลังทหารเข้าไปแทรกแซงจากภายนอกหวังเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปสู่ประชาธิปไตย ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากจะทำให้อันตราย
ส่วนนายโจ ไบเดน กล่าวบนเวทียูเอ็นในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐสมัยแรก เรียกร้องให้ประชาคมโลกหันมาผนึกกำลังกันในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับทศวรรษที่จะกำหนดชะตากรรมของมนุษย์ พร้อมยืนยันว่า สหรัฐไม่มีเป้าหมายที่จะสร้างสงครามเย็นรอบใหม่ หรือการแบ่งแยกโลกออกเป็นฝักฝ่าย แต่จะผลักดันประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม ไม่ยอมให้มีการกดขี่
สำหรับประเด็นลดโลกร้อน ประธานาธิบดีสีประกาศว่า จีนจะยุติการลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานถ่านหินในต่างประเทศทั้งหมด และหันไปสนับสนุนทางอ้อมกับโครงการที่ใช้พลังงานคาร์บอนต่ำและพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ขณะที่นายไบเดนประกาศเพิ่มเงินสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวกับการลดโลกร้อนและต่อสู้กับวิกฤตทางสภาพอากาศเฉลี่ย 11,400 ล้านดอลลาร์ หรือ 3.7 แสนล้านบาทต่อปี จากเดิมที่มีงบ 1.8 แสนล้านบาทต่อปี คำแถลงของสองผู้นำดังกล่าวทำให้ นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น กล่าวอย่างปลื้มใจที่เห็นสองชาติมหาอำนาจจะเป็นผู้นำช่วยกันลดโลกร้อน