รายงานโดย ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

พรรคพวกเพื่อนฝูงเรียก ‘เสี่ยโอ๋’ กัน เป็นแถว หลัง “นิธิ ลิ้มสิรินาถ” รองประธานสมาคมผู้ปลูกพืชทางเลือกใหม่เพื่อการเรียนรู้และการค้าไทย (สปกท.) จ.ฉะเชิงเทรา และประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านคุณโอ๋ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ขายต้นกล้ากระท่อมได้เกือบล้านบาท

นับตั้งแต่ภาครัฐปลดล็อก “กระท่อม” ออกจากบัญชียาเสพติด ประเภทที่ 5 เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2564 ส่งผลให้ผู้คนทั่วไปสามารถปลูกกระท่อม และสามารถซื้อขาย หรือนำมา บริโภคได้อย่างเสรี ไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป

“คุณโอ๋” เล่าที่มาที่ไปของการขายต้นกระท่อมจนกลายเป็นเศรษฐีย่อมๆ ว่า พอทราบข่าวจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ว่าจะมีการปลดล็อกกระท่อมในวันที่ 24 ส.ค. ก็เตรียมเพาะกล้าไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะมาแรงขนาดนี้ กลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่

เริ่มตั้งแต่เพาะกล้าจากเงินทุนแค่ 1,500 บาท ช่วงระยะเวลา 3 เดือนทำเงินได้ 9 แสนกว่าบาท เพราะกระบะหนึ่งที่เพาะตกประมาณ 1,000 กว่าต้น ภายใน 3 เดือนได้ 3,000 กว่าต้น ขายตั้งแต่ต้นละร้อยยันต้นละ 700-800 บาทตามไซซ์

 

ช่วงแรกไซซ์ 20-30 ซ.ม. ขายต้นละ 200 บาท ส่วนไซซ์ 40-50 ซ.ม. ขายต้นละ 300 บาท ไม่ถึงสัปดาห์ขยับราคาขึ้นเป็นต้นไซซ์ 10-20 ซ.ม. ต้นละ 200 บาท ไซซ์ 20-30 ซ.ม. ต้นละ 300 บาท ส่วนไซซ์ 40-50 ซ.ม. ต้นละ 700 บาท เลยทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นแบบเห็นได้ชัด จริงๆ แล้วช่วงแรกที่ปลดล็อกมา 2-3 วัน ขายไปเยอะแล้ว เฉพาะวันแรกขายไปได้ 3 แสนกว่าบาท

ก่อนหน้าจะมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว หนุ่มวัย 40 ปลายๆ ดีกรีปริญญาตรีวิศวะ บอกว่า เคยเป็นผู้จัดการโรงแรม แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจและเป็นโรคมะเร็งขั้วปอด เลยออกจากงานประจำมาใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบพอเพียงมาหลายปีแล้ว

โดยปลูกทุกอย่างที่กินได้ในบ้านพักเนื้อที่ 200 ตารางวา อยู่ตัวอ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมศึกษาและกินสมุนไพรอย่างน้ำมันกัญชาจนหายจากโรคร้าย จึงมีความรู้และมีประสบการณ์ในส่วนของกัญชาและกระท่อม ต่อมาได้ซื้อกัญชาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้มาทำการตลาดในชื่อแบรนด์ “สมายล์ กัญ” เป็นชากัญชาพร้อมดื่ม ขายในออนไลน์กระปุกหนึ่งมี 10 ซอง ราคา 450 บาท ซึ่งช่วงก่อนขายดีมาก แต่ระยะหลังยอดขายค่อนข้างอืด เลยหันมาเอาจริงเอาจังกับการเพาะกล้ากระท่อม

คุณโอ๋บอกว่า กระท่อมมีหลายพันธุ์ทั้งก้านแดง กั้งเขียว โพธิ์ทอง แตงกวาและหางกั้งแดง แต่ที่นิยมปลูกกันคือก้านแดงเพราะพันธุ์นี้มีตัวฤทธิ์ยาที่โรงงานต้องการ รองลงมาคือแตงกวา

สำหรับเทคนิคการเพาะพันธุ์ต้นกระท่อม เขาอธิบายว่า กระท่อมมีแต่เกสร ดังนั้นต้องคัดพันธุ์ที่ต้องการ เช่น ก้านแดง ต้องไม่ปลูกติดกับสายพันธุ์อื่น หากปลูกติดกับสายพันธุ์อื่นจะกลายพันธุ์ ที่นี่จะเน้นกระท่อมก้านแดง วิธีการเพาะจริงๆ แล้วง่าย

เริ่มจากใช้พีทมอสใส่ตะกร้าที่มีรูแล้วราดน้ำให้ชุ่ม นำเมล็ดโรยให้ทั่วใช้กระบอกฉีดน้ำหรือฟ็อกกี้ไปที่เกสรให้ชุ่มทั้งหมด คลุมพลาสติกไว้ 5-7 วัน จะงอกต้นอ่อนออกมา

จากนั้นนำพลาสติกออก แล้วใช้ ฟ็อกกี้ฉีดต่อ พอ 1 เดือนแยกต้นกล้านำออกมาใส่ถุง ปลูกลงถุงไปประมาณอีก 2 เดือนจะได้ไซซ์ 20 ซ.ม. แต่ถ้าอยากขายเร็วๆ ลงทุนไปสัก 1 เดือนสามารถขายได้ ต้นจะมีขนาด 5-10 ซ.ม.

ส่วนแมลงศัตรูพืชของกระท่อมคือเต่าทอง และตั๊กแตน ช่วงระหว่างการเพาะต้นกล้า ต้นเล็ก ส่วนที่สำคัญต้องระวังคือถาดเพาะ ต้องระวังอึ่งอ่างและคางคก เพราะสัตว์พวกนี้ชอบความชุ่มชื้น จึงมักมุดไปในถาดหรือใต้ถาด เพราะฉะนั้นเวลาเพาะต้องวางไปในที่สูงหน่อย ไม่ให้ปีนเข้าไปได้

ทั้งนี้การเพาะกล้ากระท่อมไม่จำเป็นต้องทำเป็นโรงเรือน สามารถปลูกกลางแจ้งได้ แต่โรงเรือนสามารถกันตั๊กแตนกับเต่าทองได้ ที่นี่ไม่ได้ใช้ยาหรือสารเคมีอะไรเลย ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ไม่มีปุ๋ยเคมี เพราะถ้าใช้ปุ๋ยเคมีเยอะๆ ต้นกล้าก็ต้องพึ่งเคมีตลอด แต่ใช้ปุ๋ยชีวภาพ เช่น มูลสัตว์ น้ำส้มควันไม้หรือสะเดาที่นำมาหมักเป็นจุลินทรีย์ นำมาผสมเพื่อฉีดพ่น หากใช้สารเคมีฉีดเข้าไปก็ไม่ดี เนื่องจากตลาดส่งออกมีการตรวจสารพิษ

คุณโอ๋ระบุว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาซื้อต้นกล้ากระท่อมเป็นพ่อค้าตลาดนัด เพื่อนำต้นไปขายต่อ ครั้งหนึ่งขายได้เจ้าละ 100-500 ต้น ในส่วนของเกษตรกรที่นำไปเพาะปลูกมีน้อย นอกจากนี้ยังมีคนสั่งจองไว้เยอะเป็นแสนๆ ต้น เพราะลูกค้าเชื่อใจ เนื่องจากขายในนามสมาคม สปกท. ซึ่งได้จัดโครงการปลูกต้นกระท่อม 1 ล้านต้นทั่วประเทศ (โทร.09-1742-5998)

การปลูกกระท่อมนั้นไม่ยาก ชอบดินร่วนซุย ชอบอากาศชื้นและแดดรำไร ถ้ามีแหล่งน้ำที่ดีสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่

ส่วนการขยายพันธุ์ มีหลายวิธีทั้งการเพาะจากเกสร การปักกิ่งชำ การเสียบยอดและตอนกิ่ง ซึ่งการเสียบยอดจะเก็บใบได้เร็ว ใช้เวลาแค่ 3-6 เดือน แต่ถ้าเพาะกล้าใช้เวลา 3 ปี แต่ต้นจะมั่นคงและใหญ่ ในส่วนของตนเพาะกล้าอย่างเดียว โดยเข้าร่วมโครงการปลูกต้นกระท่อม 1 ล้านต้นของสมาคมด้วย มีเป้าหมายให้เกษตรกรปลูกกระท่อม ในพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกได้ 100 ต้น แต่ถ้าไม่มีพื้นที่ขนาดนั้นก็ให้รวมกลุ่มกันครบ 1 ไร่ แล้วมาทำสัญญากับสมาคมได้ ทางสมาคมจะเป็นผู้รับซื้อใบ

“ตอนนี้กระท่อมมาแรงกว่ากัญชา เพราะกัญชายังไม่ปลดล็อกหลายอย่าง แต่กระท่อมปลดล็อกหมดแล้ว ยกเว้นการนำเข้า ส่งออก หรือการผลิต ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกระท่อม อันนี้ต้องขออนุญาตอย.ก่อน

ส่วนตัวมองว่าตลาดกระท่อมน่าจะไปได้ไกล เพราะในการวิจัยหรือการค้นพบของต่างประเทศทั้งญี่ปุ่น จีนหรือว่าสหรัฐ ยอมรับว่ากระท่อมสามารถลดเบาหวานได้ และคนในบ้านเราเป็นเบาหวานเยอะมาก

อีกอย่างกระท่อมของไทย ไม่น่าจะมีใครสู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย รวมถึงเรื่องของสายพันธุ์หรือสภาพอากาศ ประเทศไทยได้เปรียบ เรื่องสารที่อยู่ในตัวใบ”

ด้วยความที่เห็นช่องทางการตลาด คุณโอ๋ให้ข้อมูลว่า ได้ร่วมกับพรรคพวกใช้ที่ดิน 50 ไร่ในจ.กาญจนบุรี เพื่อปลูกกระท่อม เพราะแต่ละปีมีรายได้เยอะมาก ในพื้นที่ 1 ไร่ทำรายได้ไร่ละ 40,000 บาทต่อเดือน อันนี้คือรายได้ขั้นต่ำที่ขายใบอย่างเดียว ส่วนตลาดรองรับมีทั่วไป เพราะตอนนี้เริ่มมีคนจดทะเบียนขออนุญาตนำเข้าส่งออกกระท่อม

เขายังบอกอีกว่า กระท่อมเป็นพืชที่ไม่มีผล ตอนนี้เกษตรกรที่ระยองและจันทบุรี เริ่มมาปรึกษาจะตัดต้นทุเรียนออกเพื่อจะปลูกกระท่อม เนื่องจากผลไม้มีรายได้ปีต่อปี แต่กระท่อมทำรายได้ทั้งปี เพียงให้มีใบและปลอดภัยเท่านั้นเอง

อีกอย่างโรคของใบกระท่อมก็มีน้อยมาก ป้องกันกันแค่แมลงอย่างเดียว เท่าที่ทราบตอนนี้มีจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา นำใบกระท่อมไปทำยารักษาเบาหวาน

ถือเป็นเกษตรกรหน้าใหม่อีกคนที่ “กระท่อม” เข้ามาพลิกชีวิต ทำให้มีรายได้ก้อนโต และยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่ปลูกกระท่อมอย่างจริงจัง เพราะมองว่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่มีอนาคตสดใส

……

หมายเหตุ : เผยแพร่ครั้งแรก 29 ก.ย. 2564

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน