สหรัฐอึ้งจีนพัฒนาไฮเปอร์โซนิก – วันที่ 17 ต.ค. เอเอฟพีรายงานกระแสกังวลความมั่นคงของโลก หลังจากไฟแนนเชียลไทมส์ระบุจากแหล่งข่าววงในหลายแห่งว่าทางการจีนทดสอบขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ ไฮเปอร์โซนิกที่มีความเร็ว 5 เท่าของความเร็วเสียงขึ้นไป เมื่อเดือนส.ค. โดยขีปนาวุธดังกล่าวเคลื่อนที่รอบโลกในวงโคจรระดับต่ำหรือวงโคจรที่มีระดับความสูงจากพื้นโลกต่ำกว่า 2,000 ก.ม. ก่อนลดระดับพุ่งใส่เป้าหมายแต่คลาดเคลื่อนจากพิกัดราว 32 ก.ม.

แหล่งข่าวของไฟแนนเชียลไทมส์ระบุอีกว่า ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกแบบยานร่อนความเร็วเหนือเสียง (เอชจีวี) ที่ยิงส่งโดยจรวดลองมาร์ช เป็นการทดสอบอย่างลับๆ และสร้างความประหลาดใจให้หน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก ขีปนาวุธแบบไฮเปอร์โซนิก นี้สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์เช่นเดียวกับขีปนาวุธทั่วไป แต่มีแสนยานุภาพสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอย่างน้อย 5 เท่าของความเร็วเสียง ประกอบกับลักษณะการบินในวงโคจรระดับต่ำ ต่างจากขีปนาวุธนำวิถีบินที่พุ่งสูงสู่อวกาศในแนวโค้ง ส่งผลให้การยิงขีปนาวุธไฮเปอร์ โซนิกถึงจุดหมายได้เร็วกว่า ที่สำคัญคือยากต่อการติดตามความเคลื่อนไหวและการโจมตี

นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐหรือเพนตากอน กล่าวว่าไม่ขอแสดงความคิดเห็นต่อรายงานดังกล่าวโดยตรง แต่ระบุว่า “เราได้ชี้แจงอย่างชัดเจนถึงความกังวลของเราเกี่ยวกับขีดความสามารถทางการทหารที่จีนยังคงดำเนินการต่อเนื่อง ความสามารถนี้มีแต่จะเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคและทั่วโลก นี่คือเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเราถึงมองจีนเป็นความท้าทายอันดับหนึ่งของเรา”

ชี้ปมไต้หวันผลักดันยกระดับทางทหาร

ขณะเดียวกันรายงานของสำนักงานบริการวิจัยแห่งรัฐสภาสหรัฐ (ซีอาร์เอส) ระบุเมื่อ ไม่นานมานี้ว่าจีนกำลังรุกคืบและเร่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านความมั่นคง เพราะมองว่าสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันประเทศจากเทคโนโลยีไฮเปอร์โซนิกและเทคโนโลยีอื่นๆ ของสหรัฐ และยังเป็นการเปิดเผยในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนตึงเครียดขึ้น

ภายหลังรัฐบาลจีนยกระดับกิจกรรมทางการทหารในพื้นที่ช่องแคบไต้หวัน พร้อมแสดงจุดยืนว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่ต่างชาติไม่ควรแทรกแซง และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เพิ่งกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันครบรอบ 110 ปีการปฏิวัติจีนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะเดินหน้านโยบายรวมชาติไต้หวันเข้ากับจีน

ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้เป็นการตอบโต้กรณีที่รัฐบาลไต้หวันประกาศจะซื้อเครื่องบินขับไล่ล็อตใหม่มูลค่ากว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 45,668 ล้านบาท จากสหรัฐ ทั้งยังเพิ่มงบประมาณกลาโหมสำหรับปีหน้าเป็นมากกว่า 550,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ นอกจากจีนแล้ว ประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีไฮเปอร์โซนิกยังมีสหรัฐ รวมถึงเกาหลีเหนือที่ประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธร่อนไฮเปอร์โซนิกเมื่อ 28 ก.ย. และรัสเซียที่เพิ่งทดสอบขีปนาวุธร่อนไฮเปอร์โซนิกจากเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เมื่อ 4 ต.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน