‘ทุบโจทย์ใหม่เศรษฐกิจไทย’กับมติชน
ระดมความคิดผู้เชี่ยวชาญ‘รัฐ-เอกชน’

รายงานพิเศษ

เปิดประตูบ้านรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศแล้ว ไม่ว่าจะด้วยความพร้อมหรือไม่ก็ตาม แต่ทุกคนต้องก้าวผ่านวิกฤต โควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจ ครั้งนี้ไปด้วยกัน

หนังสือพิมพ์มติชน จึงจัดงานสัมมนาหัวข้อ “Boost Up Thailand 2022 ทุบโจทย์ใหม่เศรษฐกิจไทย” เชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชนมาแสดงความคิดเห็นอย่างน่าสนใจ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า ปัจจุบันไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ถึงเวลาเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไทย ซึ่งนับจากนี้เราต้องเดินด้วยโมเดลเศรษฐกิจ 4D เป็น 4 โอกาสที่จะนำพาเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ ปาฐกถาพิเศษ

ประกอบด้วย 1.Digitalization การส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล การลดกฎระเบียบ การพัฒนาศูนย์กลางข้อมูลให้มีความพร้อมรองรับเศรษฐกิจดิจิตอลที่จะเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น

2.Decarbonization มุ่งสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และมลภาวะ เช่น นโยบายส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งไทยประกาศแผนการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ 100% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของประเทศในปี 2578

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนประเทศไทยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2608 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือถึงมาตรการส่งเสริม คาดว่าภายในเดือนธ.ค.นี้ จะมีข้อสรุปที่ชัดเจน

3.Decentralization เป็นโอกาสของไทยที่จะใช้โมเดลเศรษฐกิจจากการกระจายฐานการผลิตของบริษัท และอุตสาหกรรมชั้นนำ ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นของการย้ายฐานการผลิต หรือกระจายฐานการลงทุนเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น

และ 4.D-risk ไทยต้องปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิตอลมากขึ้น รองรับคนที่แสวงหาที่พำนักและอยู่อาศัย หรือประกอบกิจการเป็นแห่งที่ 2 ของกิจการหลัก ในประเทศที่มีความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข และประเทศที่มีศักยภาพ

สร้างความมั่นใจด้านความมั่นคงทางอาหารสูง เห็นได้จากที่ผ่านมาไทยพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน/ปี สร้างรายได้ 2 ล้านล้านบาท แต่การท่องเที่ยวลักษณะนี้มีต้นทุนแฝงเรื่องปัญหาทางสังคม ปัญหาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นภาครัฐจึงต้องการนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ยกระดับการท่องเที่ยวที่มีจำนวนน้อย แต่สร้างรายได้และมูลค่าให้กับประเทศในระดับสูง

“แม้ปีนี้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจโตไม่ถึง 4% ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีการระบาดของโควิดรุนแรง วันนี้เราจะต้องเริ่มกันใหม่ ถือว่าเริ่มกันอีกครั้งบนความมั่นใจ และบทเรียนที่ได้เรียนรู้”

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวและว่า ขอให้ทุกคนมั่นใจที่ พล.อ. ประยุทธ์ประกาศฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ของประชากร หรือประมาณ 50 ล้านคน และต้องได้ฉีดครบ 2 เข็ม ภายในปี 2564 โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยต้องมีความเชื่อมั่นและลงทุนต่อยอดในไทย

ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไปพร้อมกัน

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ (กลาง) รองผู้ว่าการ ททท.

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่าการเปิดประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ในแง่ของ ททท. เรียกว่าเป็นการออกอาวุธมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมมาก

เป็นการเลือกทางที่จะใช้ชีวิตอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ เพราะการท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการทำรายได้ให้กับประเทศถึง 15-20% ของจีดีพี

“หลังจากนี้ไปจะเริ่มเห็นการรีซูมกลับมาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาจไม่เห็นในไตรมาส 1-2 ของปี 2565 ในทันที เนื่องจากยังมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องแก้ แต่มั่นใจว่าปี 2565 การท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาแน่นอนแบบค่อยเป็นค่อยไป”

นายธเนศวร์กล่าวแและว่า จากการถอดบทเรียนการท่องเที่ยวจะกลับมาอย่างยั่งยืนได้ ต้องเน้นคนที่มีคุณภาพ ให้ ท้องถิ่นได้เรียนรู้ถึงการทำงานอย่างบูรณาการมากขึ้น เป็นเครื่องมือที่แท้จริงในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย

ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและคณะกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้กำลังค่อยๆ ฟื้นตัว เห็นได้จากตัวเลขรายไตรมาสดีขึ้นต่อเนื่อง

ซึ่งหากเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก็เชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 0.7-1% จากปีก่อนติดลบ 6% และปีหน้าก็หวังว่าเติบโตมากกว่าปีนี้แน่นอน

“ความท้าทายนับจากนี้คือเรื่องเทคโนโลยีและรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป เป็นเรื่องที่นักธุรกิจทั่วโลกต้องกลับมา ทบทวน ควบคู่กับด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจทั้งโลก รวมถึงไทย และ ปตท. ในอนาคต”

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานฯปตท.

นายอรรถพลกล่าวอีกว่า กระแสโลกขณะนี้เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยต้องหันมาเน้นการอนุรักษ์และใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Go green) เพื่อมุ่งหน้าสู่พลังงานสะอาด เป็นไปในทิศทางเดียวกับการดำเนินธุรกิจของปตท. ตั้งเป้าหมายผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 12,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 หรือภายใน 10 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 เมกะวัตต์

ปตท. ปรับตัวครั้งใหญ่ภายใต้วิสัยทัศน์ขององค์กร “Powering Life with Future Energy and Beyond – ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังงานแห่งอนาคต” ถือเป็นจุดมุ่งหมายในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย

เป็นการขับเคลื่อนออกไปนอกเหนือจากธุรกิจพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาและลงทุนด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life science) ในธุรกิจสุขภาพและยา เครื่องมือทางการแพทย์และอาหารเสริม

สินค้าที่มีมูลค่าสูงต่อยอดจากปิโตรเคมี อย่างพลาสติกที่ใช้เทคโนโลยีสูง เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และด้านไลฟ์สไตล์

รวมถึงการลงทุนพัฒนาด้านโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟรางคู่ ตลอดจนเทคโนโลยีอัตโนมัติ หุ่นยนต์ ดิจิตอล

สัมภาษณ์นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานแสนสิริ

ส่วน นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดประเทศถือเป็นนิมิตหมายอันดี และมองว่าเป็นสิ่งที่สมควรต้องทำ เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ ไทยได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะวัคซีนที่ได้เร่งรัดฉีดครอบคลุมมากขึ้นแล้ว

“ขณะนี้ถึงเวลาต้องเดินหน้าต่อไป ขอใช้คำว่านาวนอร์มัล (Now Normal) เบื้องต้นประเมินผลที่เกิดขึ้นหลังการเปิดประเทศถือว่าไม่ได้มีอะไรที่เป็นลบ การเข้ามาของนักท่องเที่ยว ไม่ได้ร้องเรียนกลับมามากนัก เรื่องการเปิดร้านอาหารใช้ชีวิตประจำวันเริ่มกลับมาได้มากขึ้น สิ่งสำคัญคือ อย่าการ์ดตก ต้องดูแลปกป้องตัวเอง รักษาระยะห่างและไม่ประมาท”

นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลรับรองความพร้อมการนำเข้าวัคซีนสำหรับกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็ม 3-4 เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากในต่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่หลัก 50,000 คนต่อวัน แต่อัตราการเสียชีวิตน้อยมาก ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่โควิดระลอกใหม่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามหากเกิดการระบาดโควิดขึ้นในโซนใด หรือมีโซนใดเกิดการติดเชื้อมากเป็นพิเศษ อาจต้องมีมาตรการพิเศษไม่ควรใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ และไม่ควรทำอะไรที่เกิดการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศพร้อมกัน

“เพราะอย่าลืมว่าเรื่องของปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคนไม่มีกิน ไม่มีใช้ก็ตายได้เช่นกัน”

ผู้บริหารเครือมติชนกับผู้ร่วมงานเสวนา

รองนายกฯและผู้บริหารเครือมติชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน