อย่าให้พังกันไปทั้งหมด – ยังคงเป็นเรื่องต้องวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง กรณีการปราศรัย 10 ข้อเรียกร้องของม็อบคนรุ่นใหม่ ที่มีคำวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ถกเถียงกันทั้งเนื้อหาและรูปแบบ

เช่น ประเด็นอำนาจการปกครอง ทั้งที่รัฐธรรมนูญก็ระบุไว้ชัดเจนว่าอำนาจอธิปไตยมาจากปวงชน หรือ อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย

รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ อย่างต่ำๆ 2 ครั้งในรอบ 15 ปี

หรือกระทั่งม็อบกปปส. ที่อ้างตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ สั่งปลดคนนั้นคนนี้ สั่งให้ใครไปรายงานตัว

กลับไม่มีใครเลยที่ถูกกล่าวหา และวินิจฉัยว่ากระทำการล้มล้างการปกครอง!??

รวมทั้งการวิเคราะห์ไปถึงว่าจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการยุบพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่

ซึ่งเป็นเรื่องที่คงจะต้องว่ากันในเรื่องของหลักวิชาการ เพื่อประโยชน์แห่งมาตรฐานบ้านเมือง เพื่อจะคงไว้ซึ่ง บ้านเมืองที่มีขื่อมีแปต่อไป

แต่ที่แน่ๆ บรรยากาศในบ้านเมืองจากเหตุการณ์นี้ เท่ากับว่าห้ามเสนอความเห็นอื่นๆ อันเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ เท่ากับการปิดโอกาสการนำเสนอข้อมูล ในที่สาธารณะ ถกเถียงกันด้วยเหตุผลอย่างที่ อารยประเทศเขาทำกันเวลาที่มีความขัดแย้ง

นั่นก็คือการเปิดพื้นที่ปลอดภัย นำประเด็น สาธารณะมาพูดคุย ทำความเข้าใจ ให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

การที่ไม่สามารถถกเถียงกันได้ เช่นนี้ ก็คงไม่ต่างอะไรกับการที่เอามือไปปิดพวยกาที่กำลังเดือดพล่าน โดยหวังว่าน้ำในกาจะลดอุณหภูมิลงเอง

แล้วมันจะเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อฟืนไฟก็ไม่ชักออก แถมยังมีบางส่วนช่วยกันเติมฟืนเข้าใส่

โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็คือ มือที่ปิดพวยนั้นร้อนลวก น้ำในกาเหือดแห้ง แต่ก็ต้องตามมาด้วยกาน้ำที่ถูกเผาผลาญจนก้นทะลุ

ไม่มีอะไรที่จะหลุดรอดความเสียหาย ไปได้เลย!??

จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้อง ทบทวน ให้กายังต้มน้ำได้ต่อไป เราทุกคนมีน้ำดื่ม

มันจะไม่ดีกว่าที่ทุกอย่างจะพังภินท์ ลงไปทั้งหมดหรอกหรือ!??

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน