คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

วิถี การเมือง จุรินทร์ ประชาธิปัตย์ ใต้ “ประยุทธ์”

เสียงเตือนของ นายเทพไท เสนพงศ์ ในเรื่องเลือกตั้ง เป็นเสียงแห่งความกังวล ห่วงใย

เหมือนกับเป็นความห่วงใยต่อสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จักต้องประสบ เพราะถึงอย่างไร นาย เทพไท เสนพงศ์ ก็มีเลือดของ “ประชาธิปัตย์” อย่าง เข้มข้น

จึงหลุดคำทำนายถึงแนวโน้มการมาของ “ระบอบทักษิณ”

กระนั้น ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ การมาของ “ระบอบทักษิณ” บทบาทและความหมายก็คือ การเข้ามาแทนที่ “ระบอบประยุทธ์” ที่มากด้วยอิทธิพลในปัจจุบัน

จึงเท่ากับเป็นการเตือนต่อ “ระบอบประยุทธ์”

จะเข้าใจเสียงเตือนนี้จะต้องทำความเข้าใจต่อสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบประยุทธ์” ให้ดี

หากฟังจากน้ำเสียง หากตรวจสอบจากท่าทีเหมือนกับจะอยู่ตรงกันข้าม “ระบอบประยุทธ์” แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์หลังเดือนมีนาคม 2562

ก็ต้องยอมรับสถานะและความเป็นจริงของพรรคประชาธิปัตย์

นั่นก็คือ นับแต่การตัดสินใจร่วมขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนมิถุนายน 2562 พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของ “ระบอบประยุทธ์”

ยิ่งการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “รี-โซลูชั่น” ยิ่ง เด่นชัด

ไม่ว่า “อาการ” ของพรรคประชาธิปัตย์ต่อ “สังคม” จะแสดงความเป็นอิสระอย่างไร

แต่ยอมรับเถิดว่าการตัดสินใจต่อแต่ละ “สถานการณ์” ทางการเมืองในห้วงหลังทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถอยห่างจากหลักการ “เดิม” ของพรรคไกลอย่างยิ่ง

อย่างน้อยพื้นฐานเดิมของพรรคประชาธิปัตย์คือ “เสรีนิยม”

แต่ทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจ ไม่ว่าเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ไม่ว่าหลายเรื่องในห้วงของเดือนพฤศจิกายน 2564 กลับสะท้อนโฉมใหม่ของพรรค

นั่นก็คือ ดำรงอยู่ในลักษณะ “หางเครื่อง” ของ “ระบอบประยุทธ์”

ชะตากรรมของพรรคประชาธิปัตย์จึงฝากเอาไว้กับชะตากรรม “ระบอบประยุทธ์” เด่นชัด

แม้จะมีปฏิบัติการ “ลับ” เพื่อสร้างคะแนนนิยมที่เหนือกว่าพรรคพลังประชารัฐ เหนือกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านระบบ “โพล” หลายสำนัก

แต่ก็มิอาจหนีพ้นจากร่มเงาแห่ง “ระบอบประยุทธ์” ไปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน