ลาแล้วปีฉลูแสนดุขวิดบอลไทยกระอัก

กราบสวัสดีปีใหม่พ.ศ.2565 ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสด รวมถึงคนไทยทุกท่าน อำนวยพรให้ทุกท่านประสบแต่สิ่งดีงามตลอดปี และตลอดไป

นับตั้งแต่เกิดเชื้อโรคประหลาดระบาดไปทั่วที่ชื่อว่า “โควิด-19” ส่งผลกระทบต่อทุกอย่างบนโลกใบนี้ วงการกีฬาไทยไม่มีข้อยกเว้น ตลอดเวลาร่วม 2 ปีที่โควิด-19 โหมกระหน่ำ เล่นเอากีฬาไทยกระอักแทบนับชนิดกีฬาได้ที่สามารถจัดการแข่งขัน โดยกีฬาหลักอย่าง “ฟุตบอล” ที่ไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะสุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายนับพันล้านบาท

ฟุตบอลอาชีพของไทยต้องคิดมาตรการต่างๆ มากมายเพื่อเดินหน้าจัดแข่งขันได้ แม้ว่านัดเปิดฤดูกาล 2021/22 จะต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก แต่สุดท้ายยังสามารถจัดการแข่งขันได้ แม้ว่าจะจำกัดจำนวนแฟนบอลในการเข้าสนาม หรือบางสนามต้องเล่นแบบปิดยังดีกว่าไม่ได้แข่ง แถมยังสามารถจัดได้ครบทุกรายการ ไล่ตั้งแต่ฟุตบอลลีกอาชีพทั้ง 3 ลีก, ฟุตบอลลีก คัพ และเอฟเอ คัพ

ในส่วนของการถ่ายทอดสดอย่างที่ทราบดีว่ามีดราม่าก่อนเปิดฤดูกาลไม่นาน เมื่อ เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเม้น ผู้ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยทุกระดับเป็นเวลา 8 ปี ไม่สามารถเอาเงินมาวางค้ำประกันได้ ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตัดสินใจยกเลิกสัญญา ก่อนที่เอไอเอสจะเข้ามารับช่วงต่อทำให้แฟนบอลได้ดูถ่ายทอดสดครบทุกนัดทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และฟรีทีวี

ขณะที่การลุ้นแชมป์ลีกปีนี้ค่อนข้างดุเด็ดเผ็ดมัน แชมป์เก่าอย่าง “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เสริมทัพน่ากลัวด้วยการกระชาก ธีรศิลป์ แดงดา และ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต มาล่าตาข่าย แต่ดูเหมือนการป้องกันแชมป์จะไม่ง่าย เพราะ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เศรษฐีทุนหนาฟื้นคืนมาเต็มร้อย เดินหน้าเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับ “เจ้าเก่า” อย่าง “ปราสาทสายฟ้า”บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่หมายมั่นปั้นมือจะทวงตำแหน่งแชมป์กลับไปช้าง อารีนา ให้ได้ เนื่องจาก “กินแห้ว” มาสองปีติด แถมผลงานน่ากลัว เมื่อจบเลกแรกด้วยการเป็นจ่าฝูง ที่สำคัญในเลกสองสร้างความฮือฮาด้วยการคว้า “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แบ๊กซ้ายทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์เจลีก ญี่ปุ่น ฤดูกาล 2019 มาร่วมทัพอีกหน นอกจากนี้บรรดาแข้งต่างชาติ เปลี่ยนใหม่แบบยกชุด ทำให้เลกสองลีกสูงสุดของไทยจะสนุกตื่นเต้นขึ้นไปอีก

ในส่วนของทีมชาติต้องยอมรับตรงว่าฟุตบอลไทยไม่สร้างความตื่นเต้นให้แฟนบอลเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทีมชาติชุดใหญ่ ที่มีโปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย โดย 3 นัดสุดท้ายกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี), “เสือเหลือง”มาเลเซีย และ “อิเหนา”อินโดนีเซีย ซึ่งแข่งสนามกลางที่ยูเออี ปรากฏว่า อากิระ นิชิโนะ กุนซือใหญ่ที่หอบนักเตะไปถึง 40 คน กลับเพิ่มได้เพียง 1 คะแนนจากการเสมออินโดนีเซีย ทำให้กระเด็นตกรอบ อย่างน่าเจ็บใจ เพราะทีมคู่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามเบียดเข้า รอบสาม

หลังความล้มเหลวของทีมชาติชุดใหญ่ทำให้สมาคมลูกหนัง สั่งปลด อากิระ นิชิโนะ ออกจากตำแหน่งกุนซือใหญ่ และหันกลับไปใช้ “ระบบเก่า” ที่มียาวนานนั่นคือตำแหน่ง “ผู้จัดการทีม” ด้วยการส่งเทียบเชิญ “มาดามแป้ง”นวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามาทำหน้าที่

การเข้ามาของ “มาดามแป้ง” ทำให้บรรยากาศในแคมป์ทีมชาติไทยดูมีสีสันมากขึ้นทันที และผลงานชิ้นแรกออกมา ถือว่าน่าพอใจนั่นคือการพาทีมไม่เกิน 23 ปีเข้าร่วมศึก ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่มองโกเลีย พร้อมกับตั้ง “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ เป็นกุนซือใหญ่ ขนาบข้างด้วย “โค้ชโชค”โชคทวี พรหมรัตน์

แม้ว่าฟอร์มการเล่นของ “ช้างศึกชุดเล็ก” จะดูกระท่อนกระแท่นด้วยการทำได้เพียงเสมอกับมองโกเลีย 1-1, เสมอมาเลเซีย 0-0 และชนะลาว 3-0 แต่เพียงพอจะเข้ารอบสุดท้ายปี 2022 ที่อุซเบกิสถาน เนื่องจากมีคะแนนเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 4 ทีมจากทั้งหมด 10 กลุ่ม

การที่ฟอร์มไม่หวือหวาของรุ่นไม่เกิน 23 ปี ส่วนหนึ่งมาจากโปรแกรมแข่งรอบคัดเลือก ดันตรงกับฟุตบอลลีกในประเทศไทยเพิ่งเปิดซีซั่นได้ไม่นาน ดังนั้นนักเตะตัวหลักทั้งหมดไม่ร่วมทีมไปเล่นรอบคัดเลือก

กระนั้นก็ดีการที่แข้งตัวหลักไม่สามารถเดินทางไปแข่งด้วยได้ แต่กลับเป็นเวทีแจ้งเกิดของนักเตะที่คนไทยแทบไม่เคยเห็นนั่นคือ โจนาธาน เข็มดี กองหลังลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ที่โชว์ได้น่าประทับใจด้วยวัยเพียง 19 ปีจนมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย

ตลอดปีฉลู หรือปีวัว ที่เพิ่งผ่านพ้นไปฟุตบอลไทยได้รับผล กระทบในทุกด้าน แต่ยังกัดฟันเดินหน้าท่ามกลางความยากลำบาก ได้แต่หวังว่าปีเสือปีนี้จะมีสิ่งดีๆ เข้ามาให้แฟนบอลชาวไทยได้ ชื่นใจกันบ้าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน