วิถี‘ลาหู่’สู่แฟชั่นคอลเล็กชั่น – ด้วยเทรนด์แฟชั่นสไตล์ชาติพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เกิดแบรนด์เสื้อผ้าสไตล์ชนเผ่าหลากหลายแบรนด์ ซึ่งล้วนมีเอกลักษณ์การออกแบบที่แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่ ชูลายผ้าปักที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชนเผ่ามาผสมผสานกับแฟชั่นปัจจุบัน เช่นเดียวกับวิสาหกิจชุมชนแบรนด์ไอ แอม ลาหู่ ตำบล แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาต่อยอดงานหัตถกรรมชนเผ่าในรูปแบบผ้าปัก งานจิกมือ การต่อผ้า เช่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หมวก กระเป๋า เพื่อกระจายรายได้ให้กับชุมชน

คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรชร.) ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบ บูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) หรือ U2T จึงนำความรู้ด้านการออกแบบโดยชู “ทุนทางวัฒนธรรม” ของพื้นที่ซึ่งเป็นลายผ้าปักลาหู่ที่มีความโดดเด่นตรงการสร้างสรรค์ศิลปะลวดลายเอกลักษณ์ที่มีการเคลื่อนไหว การใช้เส้นจะเป็นไปในลักษณะขึ้น ลง ทแยงมุมให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา การใช้สีเป็นไปในโทนสดใสเน้น สีแดง เหลือง มาออกแบบงานหัตถกรรมให้ร่วมสมัย เพื่อยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน

ทั้งยังได้นำผลงานต้นแบบมาจัดแสดงแฟชั่นโชว์ ที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.เชียงราย หรือสวนอุ้ย โดยมี ผศ.ดร.ศรชัย มุ่งไธสง อธิการบดีมรชร. เป็นประธานพิธีกิจกรรมเสนอผลงานโครงการ U2T ด้วย

อาจารย์ทัตพงศ์ นามวัฒน์ หัวหน้าโครงการการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ประเภทหัตถกรรมฯ กล่าวว่า จากปัญหาที่เราพบเรื่องการขาดทักษะในการออกแบบเครื่องแต่งกายให้ดูทันสมัยซึ่งผลต่อต่อยอดขาย คณะวิทยาการจัดการจึงร่วมกับ อาจารย์รัชนิกร กุสลานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ชุมชนมาพัฒนาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ดูร่วมสมัยแต่ยังคงมีกลิ่นอายความเป็นชนเผ่าลาหู่เพื่ออนุรักษ์งานศิลปะ ที่สืบทอดต่อกันมาอย่างช้านาน โดยเป็นการออกแบบภายใต้แนวคิด ทันสมัย เรียบง่าย ใส่สบายสไตล์ลาหู่ มีการดึงสีของเส้นด้ายมาออกแบบชุด ใช้เทคนิคการต่อผ้าลายลาหู่แบบดั้งเดิมให้โดดเด่นขึ้น

ในชุดผู้หญิงได้ใช้ลายผ้าลาหู่ ชื่อว่า “คะป่าว้อย” (คะป่า แปลว่า ลายต่อผ้า, ว้อยแปลว่า วงกลม) สื่อถึงความรัก สามัคคี ความร่วมมือในชุมชน ส่วนชุดผู้ชายใช้เทคนิคลายปักลาหู่ประยุกต์บนตัวเสื้อผ้ากับกางเกง เช่น การปักเส้นคล้ายภูเขา ต้นไม้ สายน้ำ สะท้อนถึงธรรมชาติอันงดงาม ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นที่ไหนเนื่องจากเทคนิคเหล่านี้ต้องใช้ช่างปักที่มีฝีมือละเอียดและเข้าใจธรรมชาติของ ชนเผ่าลาหู่ จึงจะสามารถสะท้อนอัตลักษณ์หรือตัวตนของลาหู่ออกมาบนผืนผ้าได้อย่างงดงามนั่นเอง

จุดเด่นของคอลเล็กชั่นนี้คือ เน้นความสบาย ทันสมัย สวมใส่ได้หลายโอกาส สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์กับเสื้อผ้าที่มีอยู่หรือจะปรับเปลี่ยนตามเครื่องประดับได้อย่างลงตัว

สำหรับคุณผู้ชายสายแฟชั่นก็ไม่น้อยหน้าเพราะออกแบบให้เป็นชุดที่สวมใส่ได้ทั้ง ผู้หญิงและผู้ชาย หรือ Unisex เน้นความเก๋ที่รายละเอียดของงานปัก เช่นการเล่นกับลวดลายผ้าปักบริเวณพื้นที่เล็กๆ อย่าง แขนเสื้อกับกระเป๋าให้โดดเด่นขึ้น เรียกได้ว่า น้อยแต่มาก ใส่ได้ทั้งเที่ยวและทำงาน ดังนั้นเสื้อผ้าลาหู่คอลเล็กชั่นนี้จึงโดดเด่น ที่มีการประยุกต์เทคนิคการต่อผ้าลายผ้าลาหู่ผสมผสานกับลายปักลาหู่

“นับเป็นมิติใหม่ของแฟชั่นชุดลาหู่ที่ ใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกโอกาส”

อาจารย์อภิสรา กฤตาวาณิชย์

คณะทำงาน U2T

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน