ปล่อยเพลงและเอ็มวี “ใครรัก รักใคร” ออกมาให้แฟนเพลงได้ม่วนกันแล้ว ซึ่งเป็นเพลงที่ 5 ปิดท้ายอัลบั้ม “สถานีหัวลำเพลิน” ของหมอลำ ‘ลำเพลิน วงศกร’ ที่ชวนสองหนุ่ม ‘แทน-คัตโตะ’ วง “ลิปตา” (LIPTA) มาฟีเจอริ่ง
วันนี้สองหนุ่มสองขั้ว ‘ลำเพลิน วงศกร’ และ ‘แทน ลิปตา’ มานั่งคุยถึงการผสม 2 แนวเพลง กว่าจะออกมาเป็น “ใครรัก รักใคร”
พูดถึงเพลง ใครรัก รักใคร ?
ลำเพลิน – “เพลง ใครรัก รักใคร อาจารย์ นุ-ภานุวัฒน์ วิเศษวงษา เป็นคนแต่ง เป็นแนวเพลงใหม่ที่ผมแทบจะไม่เคยได้ร้อง เป็นเพลงเดียวที่อยู่ในอัลบั้มที่เรารู้สึกว่าได้ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ ก็ต้องขอบคุณพี่ๆ ลิปตาที่ให้เกียรติมาร้องเพลงด้วย ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ก็ดีใจครับ”
แทน ลิปตา – “เพลงนี้ก็มีความพิเศษหลายอย่าง คือเป็นเพลงที่ทีมของน้องลำเพลินคือทางแกรมมี่โกลด์เขียนขึ้นมา ปกติแล้วลิปตาจะเขียนเพลงกันเอง แต่ก็โอเคการที่เรามา ฟีเจอริ่งกับน้องลำเพลิน ก็รู้สึกว่าเป็นเพลงที่ฝั่งน้องเป็นคนทำเราก็เอาไปโปรดิวซ์และเรียบเรียงมาให้ ตอนที่ได้ยินเดโม่ครั้งแรกก็คิดว่ายาก รู้สึกว่าทำไงดีว่ะให้มันกลมกลืน ให้มันลงตัว ก็ทำการบ้านอยู่นาน เราก็มาเริ่มจากแบ่งท่อนร้องก่อน ลิปตาก็เอาไปเขียนเนื้อเพิ่มในส่วนที่เป็นท่อนแร็พของลิปตาด้วย”
“วันที่น้องลำเพลินมาหัดร้องกับผมที่บ้าน ก็รู้ว่าเขากังวลอาจจะเพราะแนวเพลงหรือจังหวะที่ปกติไม่ค่อยได้ร้อง เราก็พยายามให้เขาได้ลองทำหลายอย่าง ก็คือเปิดเพลงให้เขาพูด ผมเรียกว่าใส่ชีวิตในเพลง ผมก็จะเอาไปตัดวางเอง สำหรับผมเพลงนี้มันเหมือนเป็นการครอสโอเวอร์ เราฝั่งป๊อปไปเจอฟังลูกทุ่งก็สนุกครับ”
ทำไมลำเพลินถึงเลือกเป็นลิปตา?
ลำเพลิน – “ตอนแรกที่คิดไว้ก็คือมีศิลปินหลายคนครับ เราร้องเพลงคนเดียวมาเยอะแล้วเราอยากจะให้มีความแตกต่างทางด้านเพลงของเราบ้าง ผมอยากจะรู้ว่าแนวเพลงของเรามันจะไปอยู่กับ แนวเพื่อชีวิตได้ไหม เพลงป๊อป เพลงร็อก เพลงลูกทุ่ง เพลงลูกกรุงได้ไหม เราอยากรู้ว่าตัวเรามีเคมีสาธารณะไหม พี่โจก็เลยบอกว่าพี่รู้จักกับหลายๆ คนที่อยู่ในวงการนะ เราลองให้พวกพี่ๆ เขามาผสมผสานกับเราดูเราจะได้มีแนวเพลงใหม่ๆ”
“ก็เลยเกิดมาเป็นพี่ลิปตาขึ้นมา เป็นเพลง ใครรัก รักใคร ตอนแรกผมก็งงนะครับว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง ในอัลบั้มทั้ง 5 เพลง ผมคิดว่าเพลงนี้ง่ายสุด เนื้อร้องมัน นิดเดียวแล้วด้วยเมโลดี้ที่มันราบเรียบไม่ได้ขึ้นลงเหมือนเพลงสไตล์อื่นของผม แต่เอาเข้าจริงๆ เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่ยากที่สุดในอัลบั้ม เนื้อเล็กๆ นี่แหละแต่โอ้โหรายละเอียดมันเยอะ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรากลับมาคิดว่า บางครั้งการเป็นเราเองมันยังไม่พอ ถ้าเราอยากจะได้อะไรใหม่ๆ เราต้องกล้าลองในสิ่งที่ไม่เคยทำ ก็ได้ความรู้จากพี่แทนในการไปอัดเสียง รายละเอียดในลูกเล่นอะไรมันมีเยอะในการทำเพลงก็เอามาปรับใช้ครับ”
ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้ร้องเพลงกับลิปตามีความรู้สึกยังไง?
ลำเพลิน – “ตอนแรกที่ผมคิดอ่ะ มันจะร้องด้วยกันได้ยังไง เพลงจะเป็นยังไง ถ้าเปรียบเทียบเป็นคนก็คือลูกครึ่ง คือผมกับพี่ๆ เขาคนละแนวเพลงเลย มันก็เกิดคำถามว่ามันจะเข้าวิธีไหน จะทำยังไงให้แฟนคลับเราก็ยังฟังได้ แฟนคลับพี่เขาเองก็ฟังได้ นี่แหละครับคือโจทย์สำคัญ จะมีวิธีที่เข้าไปได้อย่างกลมกลืน ก็ทำอยู่นานครับเพลงนี้นานสุด เป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้ม ตอนแรกเรามองข้ามคิดว่ามันเป็นเพลงที่ง่ายแต่สุดท้ายมันเป็นเพลงที่ยากและมีรายละเอียดเยอะที่สุดแล้ว”
ฝั่งของลิปตา กับแนวเพลงลูกทุ่งก็ถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่?
แทน – “ใช่ครับมันก็เป็นอะไรที่พวกผมอยากทำกันมานานแล้วก็คุยกับคัตโตะมานานว่าอยากจะทำสามช่า ลูกทุ่งบ้าง เราก็คิดว่าเราจะไปป๊ะกับใครได้บ้างในสายนี้ ก็ต้องขอบคุณ ทางแกรมมี่โกลด์แล้วก็น้องลำเพลินด้วยที่ลองชวนกันมาดู”
“เพลงนี้ผมก็ทำมาเป็นป๊อปอาร์แอนด์บี แล้วก็ฮิพฮอพเล็กๆ มันก็มาผสมกับเมโลดี้และภาษาทางลูกทุ่งมันก็เป็นโจทย์ที่ถ้าคนฟังครั้งแรกอาจจะงงๆ เพราะมันจะเป็นอาร์แอนด์บี สุดก็ไม่เชิง จะเป็นลูกทุ่งสุดก็ไม่เชิง คือผมจำได้แม่นเลยว่าครั้งแรกผมฟังเนื้อเพลงจบ มันเกิดคำถามในใจว่า สรุปแล้วเพลงนี้มันพูดถึงอะไรวะ ผมก็โทร.ไปหาพี่โจว่าพี่ครับเพลงนี้มันแปลว่าอะไรครับ มันเป็นอย่างนี้ใช่ไหมครับ ผมเข้าใจถูกต้องแล้วกันนะครับ เพราะมันเป็นภาษาที่ไม่ตรง เพราะเวลาที่ผมทำเพลงผมจะใช้ภาษาที่ตรงและง่าย”
ในส่วนของเอ็มวี?
ลำเพลิน – “เราถ่ายแค่ซิ้งเสียงร้อง แต่ตัวเอ็มวีไปถ่ายกันที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เอ็มวีน่ารักนะครับ สะท้อนให้เห็นเรื่องความรักที่มันไม่มีวันเก่า เพลงนี้เอาเรื่องราวของคุณตาคุณยาย มาเล่าครับ มันก็พิเศษตรงนี้ คือเขาคิดได้เขาก็หยิบขึ้นมาในมุมที่คนมองข้ามไปแล้ว ผู้กำกับเขาเก่ง และสามารถหลอกล่อตากับยายมาถ่ายเอ็มวีเพลงให้เราได้ เป็นเอ็มวีอีกเพลงหนึ่งที่มีคุณค่าสำหรับผมครับ”
เห็นผลงานตัวเองได้ออกมาแล้วเป็นไงบ้าง?
แทน – “ผมแฮปปี้ตั้งแต่ทำเพลงจบไปแล้ว ถ่ายเอ็มวีกันในทุ่งไปแต่งหน้าในวัดนะครับ เป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งแรกของผม ผมรู้สึกว่าเวลาที่เราทำอะไรใหม่มันก็ยากนิดนึง แต่ผมแฮปปี้ตั้งแต่เราเริ่มทำเพลงจบ”
ลำเพลิน – “ผมก็ดีใจครับที่พี่ๆ ให้เกียรติร่วมงานกับนักร้องรุ่นใหม่อย่างผม คือมันเป็นงานที่ทำให้เราไปเล่าสู่ลูกหลานเราฟังว่าครั้งหนึ่งเราเคยทำเพลงไว้ เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังด้วยครับ มันไม่มีอะไรที่จะมากั้นว่าป๊อปไม่สามารถร้องกับลูกทุ่งได้”
อชริญา บุญชู
