เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคม พรรคเพื่อไทยจัดให้เป็นเดือนแห่งการพูดคุยถึงสิทธิความเท่าเทียมและการขับเคลื่อนการต่อสู้ของผู้หญิง โดยเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา จัดเวทีเสวนาหัวข้อ “จากวัยรุ่นเดือนตุลาฯ ถึงวัยรุ่นยุคประยุทธ์ จันทร์โอชา บทบาทผู้หญิงในฐานะนักต่อสู้” โดยมี นางนิธินันท์ ยอแสงรัตน์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย วัยรุ่นเดือนตุลาฯ มีมี่ เจ้าของเพจ feminist FooFoo เยาวชนนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน น.ส.อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย เจริญปุระ นักแสดงและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน และ น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร่วมเสวนา

นางนิธินันท์ กล่าวว่า “ตัวเองไม่เคยเป็นเฟมินิสต์ แต่สู้เพื่อความชอบธรรมของ ทุกเพศมาตลอดในแง่สิทธิมนุษยชน และเชื่อว่าสิทธิสตรีคือสิทธิมนุษยชน ตนโตมาในครอบครัวที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ แม่ ยาย เป็นคนตัดสิน จึงนึกไม่ออกว่าผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ตรงไหน และไม่เคยรู้สึกว่าด้อยกว่าผู้ชาย แต่ก็ไม่ชอบเวลามีการกดขี่ ก่อนหน้าปี 2516 กระแสเฟมินิสต์พร้อมกระแสบุปผาชนในยุโรปมีมาพอสมควรแล้ว เมื่อกระแสนี้เข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่อยู่มัธยมปลายรับทราบเรื่องสิทธิสตรีและความเท่าเทียมระดับหนึ่ง มีการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของผู้หญิง จนถูกล้อว่าต่อสู้เพื่อจะมีหนวดหรือยืนฉี่แบบผู้ชาย หลังปี 2516 เมื่อมีการจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ เฟมินิสต์ที่เคยเป็นเสรีนิยมที่ ไม่ได้โจมตีผู้ชายในเชิงเข้มข้นก็เปลี่ยนสภาพเป็นกลุ่ม “หงฉี” หมายถึงธงแดง ชูธงแดงตลอด เวลามีการประชุมที่เปิดให้วิพากษ์วิจารณ์ ผู้หญิงหงฉีจะกระหน่ำโจมตีพฤติกรรมผู้ชายที่เคยเห็น รวมถึงการชม ผู้หญิงว่าสวยก็ไม่ได้

“ขณะที่ความพยายามเชิดชูผู้หญิงสมัยก่อนซึ่งเรามองด้วยความเข้าใจ สมัยนั้นเป็นยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เมื่อมีการเสนอให้ยกย่องผู้หญิงก็ยกย่องบทบาทของผู้หญิงในแง่ของแม่และเมีย เธอไม่ใช่คนใช้อยู่กับบ้าน เธอมีค่า แต่ค่าของเธอคือเป็นแม่ ยิ่งลูกดกยิ่งดี สร้างอนาคตให้ชาติ เป็นเมียต้องสวย ทำกับข้าวเก่ง เรียบร้อย เพียบพร้อมด้วยเสน่ห์และแสนดี นี่คือผู้หญิงในอุดมคติก่อนหน้าจะมีหงฉี

ยุคเดือนตุลาฯ ผู้หญิงที่ทำกิจกรรมทางการเมือง กลับบ้านก็มีคนตามไปทำกิจกรรมทางการเมืองนอนค้างที่มหาวิทยาลัย ก็เขียนว่าไปมั่วเซ็กซ์เราถูกคุกคามในรูปแบบนั้น วัยรุ่นเดือนตุลาฯ ขณะนั้นโดดเดี่ยว คนทั้งประเทศไม่ได้คิดเหมือนเรา มีคนไม่เข้าใจเราเยอะมาก แต่เราเชื่อตั้งแต่วันนั้นและเชื่อมาเสมอว่าการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมเป็นสิทธิ์ของเรา เราควรจะทำต่อไป”

ด้าน มีมี่ กล่าวว่าตั้งแต่เด็กครอบครัวสอนให้ต่อสู้เรื่องประชาธิปไตยและเรื่องต่างๆ แต่ความเป็นเฟมินิสต์เรามีอยู่ในตัวตลอดอยู่แล้ว เริ่มต้นจริงๆ คือออกไปม็อบครั้งแรกเรื่องวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หายตัวไป หลังจากนั้นก็ต่อสู้เรื่องเฟมินิสต์ อยากให้ก้าวหน้ามากกว่านี้ เช่น เรื่องผ้าอนามัยคิดว่านี่เราอยู่ในปีอะไรแล้ว แต่ยังไม่มีผ้าอนามัยฟรีใช้ ที่ตนโกนผมเพื่อบอกว่าเรามีสิทธิ์ในเนื้อตัวร่างกายของเรา สังคมมักบอกว่าเป็นผู้หญิงต้องสวย ต้องฉลาด ทำไมต้องเป็นแบบนั้น เราเป็นผู้หญิงและมีสิทธิ์ทุกอย่างในเนื้อตัวร่างกายของเรา

“พอเราเคลื่อนไหวประเด็นเรื่องเพศ เรื่องเฟมินิสต์ ก็มีคนพูดว่าทำไมไม่ยกประเด็นเรื่องประชาธิปไตยก่อน แต่เรื่องเหล่านี้สามารถเรียกร้องไปพร้อมกันได้ หลายประเด็นเล็กๆ มักเป็นเรื่องที่ผลิตซ้ำ อย่างสังคมที่ ไม่เท่าเทียมในทุกวันนี้ ความเป็นธรรมทางเพศเป็นประเด็นที่ ยกมาพูดกันได้ในภาคใหญ่ ส่วนตัวจะเคลื่อนไหวในประเด็นเหล่านี้ต่อไป”

ทราย อินทิรา กล่าวว่าการเป็นดารานักแสดงมีระบบอุปถัมภ์ประมาณหนึ่งอยู่แล้วในวงการ หรือแม้แต่ในแวดวงดารานักแสดงด้วยกันเอง การทำงานตรงนี้เหมือนบังคับเราไปในตัวว่าต้องเปิดรับทุกคน จะเอียงข้างไม่ได้ ต้องตอบรับคนทุกกลุ่ม แต่เราไม่ใช่แค่ดารานักแสดง เรามีหมวกอีกใบที่เป็นพลเมืองคนหนึ่งของประเทศ คือสิ่งที่เราแสดงออกได้ในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง ทุกคนเป็นนักการเมือง นักกิจกรรมในแบบที่คุณเลือก คนมักมองว่าคนนี้พิเศษเพราะเป็นดารานักแสดง แต่เรากลับเชื่อว่าทุกคนเป็นนักกิจกรรมที่พิเศษได้ ตนจึงไม่เคยรู้สึกว่าเราต้องเลี่ยงที่จะไม่พูดถึง เพราะต่อให้อยู่เฉยๆ วันหนึ่งปัญหาสังคมเหล่านี้จะมาหาเราเอง

“ส่วนตัวคิดว่าสามารถเรียกร้องประเด็นเล็กๆ ไปพร้อมกับประเด็นใหญ่ๆ ระดับประเทศได้ ไม่จำเป็นต้องมองประเด็นใหญ่ๆ เท่านั้นไม่มีเรื่องไหนเล็กเกินไป ที่ผ่านมาเราพัฒนามาตลอดด้วยการเริ่มจากเรื่องเล็กๆ เรื่องเล็กนำไปสู่เรื่องใหญ่ได้ โดยเฉพาะ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน ไม่อยากให้ทิ้งประเด็นเล็กๆ ต่อสู้ไปพร้อมๆ กันได้”

น.ส.ทัศนีย์กล่าวว่า “ตนเองทำงานการเมืองมานาน เมื่อครั้งรัฐประหารล่าสุดถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนรัฐธรรมนูญ เพราะจดหมายฉบับเล็กๆ ทำให้ถูกคุกคามทั้งครอบครัว เราในฐานะที่ทำงานตรงนี้ยังคงต้องต่อสู้ต่อไป รวมถึงประเด็นต่างๆ ของผู้หญิง ขณะเดียวกันจะไม่ทิ้งประเด็นประชาชน ผู้สูงอายุ เด็ก เราจะขับเคลื่อนทุกๆ เรื่องไปพร้อมกัน”

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจัด “นิทรรศการเพื่อผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า” เพื่อเผยแพร่การศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า วันนี้-31 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน