ค่ายข้าวสารซาวด์ เสิร์ฟความสนุกรับสงกรานต์ กับโปรเจ็กต์พิเศษเพลง “ไมโครเวฟ” ของ 2 ศิลปิน ‘อี๊ด โปงลาง’ Feat. ‘ลำไย ไหทองคำ’ และสเปเชี่ยลรัวๆ อีก เพราะในเอ็มวีนอกจากจะมี หมอปลา กับ ป้ารัตนา มาแจมแล้ว ยังรวมดาว TikTok อีกเพียบ

ที่มาที่ไปของเพลงนี้?
อี๊ด – “โปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นโดยที่ผมคุยกับทางผู้ใหญ่ในค่ายข้าวสาร มันจะเป็นโปรเจ็กต์อย่างไรถ้าผมกลับมาร้องเพลง ก็น่าจะหาคนมาฟีเจอริ่งหน่อย เพราะว่าเราก็ร้องเดี่ยวมาเยอะ ก็อยากที่จะหาเพลงที่มันมีความใหม่สำหรับอี๊ด โปงลางสะออน จนมาลงตัวที่เพลง ไมโครเวฟ พอเพลงเสร็จแล้ว ก็นึกถึงน้องลำไย เพราะสมัยนี้น้องลำไยน่าจะเข้ากับเพลงที่เราทำ”

“เพลงนี้บอกถึงความอบอุ่นของผู้ชาย คนหนึ่งที่อยากจะปกป้องผู้หญิง เลยมาลงตัวที่ชื่อเพลงว่า ไมโครเวฟ เพราะว่าความอบอุ่นมันก็ได้จากไมโครเวฟ จึงกลายมาเป็นอีก แนวหนึ่งที่มีทั้งแร็พ แดนซ์ และหลายอย่างรวมกันในเพลงนี้”

มีความแปลกใหม่สำหรับเราในเพลงนี้ด้วย?
อี๊ด – “ผมว่าแปลกใหม่นะ ผมเคยทำเพลงแนวเกาหลีหน่อย ตอนที่อยู่อาร์เอส จะร้องแบบบอยแบนด์ แต่อันนี้มันใหม่สำหรับผม ทั้งในเรื่องของชุด ปกติผมต้องใส่กระโปรงแต่อันนี้เสื้อผ้าเป็นลุกส์ใหม่ไปเลย สีสันสดใส และแนวดนตรีและมีน้องลำไยมาฟีเจอริ่ง มัน จึงถือว่าเป็นความใหม่สำหรับผม”

ดนตรีดูมีความเป็นเกาหลีจ๋ามาก?
อี๊ด – “ประมาณหนึ่ง เมโลดี้มีความ เป็นไทยคือมีเสียงแคนเข้ามา เพื่อให้ มีความเป็นเรา และมีความเป็นอิเล็กทรอนิกส์เยอะหน่อย ต้องบอกว่ายากมาก เพราะว่ามันไม่เหมือนเพลงลูกทุ่ง มันต้องมีแร็พด้วย แล้วก็เป็นเพลงที่ผู้ชายร้องกับผู้หญิงมัน ก็จะมีความต่างกันอยู่แล้วระหว่างโทนเสียงผู้หญิงกับของผู้ชาย ผู้หญิงจะร้องเสียงโทนพอดี ผู้ชายก็ต้องร้องต่ำ เมโลดี้ของเพลงมีส่วนสำคัญถือว่ายากมาก เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะออกแบบเยอะหน่อย

“แต่พอไปถ่ายเอ็มวีจะหนักหน่อยท่อนที่ แร็พไว้ เพราะว่าปากซิ้งยากครับ กว่าที่จะได้เพลงนี้มาท่าเต้นก็ยาก เราให้ครูมืออาชีพมาสอนท่าเต้น ทุกคำในเพลงมีท่าเต้น มันก็เลยกลาย เป็นว่าต้องมีสมาธิ”

คนที่ต้องซ้อมเต้นหนักคือลำไย แต่พี่อี๊ดเอาแค่ขอเข้าจังหวะใช่ไหม?
อี๊ด – “ถูกต้องครับ(หัวเราะ) ลำไยก็เป็นมืออาชีพอยู่แล้ว แต่ผมแทบไม่เคยเต้นเลย ก็จะเป็นเต้นก็ ฟรีสไตล์มาตลอด แต่พอมีต้องมีการเรียนเต้น เราก็ไม่เข้าใจ แต่ก็อาศัยให้หันไปทางเดียวกับเขา สู้ป้ารัตนาไม่ได้ (หัวเราะ)”

เอ็มวีเพลงนี้รวมดาวติ๊กต็อก
อี๊ด – “รวมดาวเลย ป้ารัตนา หมอปลา น้องโอลีฟ เน็ตไอดอลก็เยอะ รวมถึงน้องลำไยด้วย เรามองกระแสโซเชี่ยล คนที่อยู่ในสื่อ อย่าง หมอปลากับป้ารัตนา มันเข้ากับเพลงด้วยแหละ เพลงเรา มันหมายความถึงการปกป้องผู้หญิงคนหนึ่ง ผมก็มองว่าหมอปลาเป็นคนที่ดูแลป้ารัตนาอยู่ ผมมองว่าคู่นี้เขาก็ดูแลกัน ห่วงใยกัน และที่สำคัญแกก็อยู่ในสื่อด้วย จังหวะว่าแกอยู่ในกระแสด้วย มีข่าวว่าไปเกาะกระแสป้ารัตนา จริงๆ ทุกอย่างมันก็ต้องมารวมกันเป็น 100% แต่จุดประสงค์หลักก็คือป้ารัตนากับหมอปลามันเข้ากับเพลง”

“และสี่สาวที่เข้ามาเล่นด้วยอย่างน้องโอลีฟและอีกหลายคนผมมองว่ามันเป็นสีสันของ เอ็มวี ทำอย่างไรก็ได้ให้เอ็มวีเราคนเดินผ่านต้องหยุดหันหลังมาดู เพราะว่าทุกวันนี้เพลงออกมาหนึ่งวันเป็นพันเป็นหมื่นเพลง คนที่เสพคนที่ดูเขาก็ต้องเลือกดูสิ่งที่มีความสุขที่สุด สีสันต้องสดใสถ่ายกลางทุ่งนา คนที่เดินผ่านมาเขาต้องหยุดดูให้ได้”

นางเอกเอ็มวีทุกคนก็กำลัง มีกระแสนะตอนนั้น?
อี๊ด – “มีประเด็นกันทุกคนครับ แต่ละคนเขาก็มีกระแสของตัวเอง ผมมองว่ามันเป็นสิ่งดีจริงๆ เรื่องที่เป็นดราม่าต่างๆ ผมมองว่าถ้ามันไม่ทำให้คนใดคนหนึ่งเสียหาย หรือเดือดร้อน ผมมองว่าให้เป็นเรื่องของความบันเทิง มันจะได้ไม่มีเรื่องที่เครียดเยอะในชีวิต”

ถึงตอนนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเพลงเราไม่ได้ต้องการเกาะกระแสของป้ารัตนาหรือใคร?
อี๊ด – “ถูกครับ อยากให้คนเสพในเรื่องของเพลง เรื่องของเนื้อหาความสนุก ส่วนเอ็มวีมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะดูทางภาพ ผมอยากให้มองว่าเป็นเรื่องของคุณภาพการทำดนตรี แล้วการที่เรากว่าจะเต้นกว่าจะซ้อม ต้องไปดูสัดส่วนในเอ็มวี ถึงจะรู้ว่าแขกรับเชิญอยู่ในสัดส่วนประมาณไหน ผู้ใหญ่เขาไม่ได้ต้องการที่จะให้นำ ส่วนใดส่วนหนึ่งในเอ็มวีมาชูให้มันเด่น ต้องไปดูว่าทุกอย่างมันลงตัวหมด”

การถ่ายทำเอ็มวียากไหม?
อี๊ด – “โอ้ว…โดยเฉพาะป้ารัตนา เขาจะไปสไตล์เขาอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเขาแกล้งหรือเขาเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ่ายกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึง 6 โมงเย็น เราไปถ่ายที่ศูนย์วิจัยข้าวที่ปทุม ร้อนกันทั้งวัน แต่มันก็สนุกทีมงานที่ไปถ่ายทำเขาก็มืออาชีพ ทุกอย่างมันถูกล็อก ไว้หมดแล้ว สงสารน้องแดนเซอร์เขาใส่ส้นสูงเต้นกลางทุ่งนา ไม่ธรรมดานะครับ”

ทำงานกับน้องลำไยเป็นอย่างไรบ้าง?
อี๊ด – “ลำไยเป็นมืออาชีพร้องเก่ง เต้นเก่ง ที่สำคัญ น้องเป็นคนที่มีพลังเยอะและเคมีตรงกัน เราเป็นคนอีสานด้วยกัน เลยกลายเป็นว่าทำงานด้วยกันง่าย น้องเป็นคนที่ทำการบ้านมาดีและหัวไวร้องแป๊บเดียวก็ได้ ส่วนแดนเซอร์เขาใส่ท่าแป๊บเดียวก็จำได้แล้ว เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ได้ดีกว่า ผมว่านะ”

เข้าห้องอัดเป็นยังไง
อี๊ด – “ตอนเข้าห้องอัดก็ยากเหมือนกัน คือก่อนที่เรา จะเข้าห้องอัดก็มีการซ้อมไปก่อนเพื่อให้รู้คำแต่เวลา ที่เราเข้าห้องอัดจะมีคนคุมร้อง เพื่อให้รู้ว่าเราจะร้องมา เป็นประมาณไหน ตอนอัดเราแยกกันเข้าห้องอัด ผมเข้าไปร้องก่อน น้องเข้าไปร้องทีหลัง ยากเหมือนกันครับ ท่อนแร็พยากมากเพราะมันไว เมโลดี้ในเพลงนี้มัน ค่อนข้างที่จะสับ ดนตรีมีเสน่ห์ เราต้องทำยังไงให้ร้องออกมาไม่เป็นลูกทุ่งมาก ไม่เป็นสตริงมาก ออกมาให้เป็นตัวเรามากที่สุด ผมว่าเรื่องการดีไซน์การร้องก็ยาก”

คาดหวังแค่ไหน
อี๊ด – “ก็ระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่คาดหวังมากไปกว่านั้นคือการที่เรา ได้ทำงานได้ทำสิ่งใหม่ๆ กับค่ายข้าวสาร อยากให้แฟนคลับของผม ได้เห็นงานใหม่ๆ โปรดักชั่นดีๆ ดนตรีดีๆ เนื้อร้องดีๆ ส่วนเรื่อง ยอดวิว แอบคาดหวัง มันเป็นสิ่งที่เป็นผลตามมามากกว่า จริงๆ แล้วอยากให้คนที่ชอบเราเสพงานของเรา”

อนงค์ จันทร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน