คืนนี้ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก จะได้อีก 2 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ แอตเลติโก มาดริด ยังสูสีอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่ลิเวอร์พูลกุมความได้เปรียบเหนือเบนฟิกา ผลการแข่งขันจะเป็นเช่นไร ห้ามพลาดเด็ดขาด

วันพุธที่ 13 เมษายน 2565
ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก
รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สอง
แอตเลติโก มาดริด-แมนเชสเตอร์ ซิตี้ “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด จากสเปน เปิดสนามเอสตาดิโอ ว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน รับการมาเยือนของ “เรือใบ สีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์เก่าจากอังกฤษ เกมแรกแมนฯ ซิตี้ชนะมาก่อน 1-0

เส้นทางที่ผ่านมา แอตฯ มาดริดผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาในฐานะรองแชมป์กลุ่มบี ลงเตะ 6 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 3 เก็บไป 7 คะแนน ส่วนแมนฯ ซิตี้ได้แชมป์กลุ่มเอ ลงเล่น 6 นัด ชนะ 4 แพ้ 2 เก็บได้ 12 คะแนน
โดยแอตฯ มาดริดเสมอปอร์โต 0-0 (เหย้า), ชนะเอซี มิลาน 2-1 (เยือน), แพ้ลิเวอร์พูล 2-3 (เหย้า), แพ้ลิเวอร์พูล 0-2 (เยือน), แพ้เอซี มิลาน 0-1 (เหย้า), ชนะปอร์โต 3-1 (เยือน)
ด้านแมนฯ ซิตี้ชนะไลป์ซิก 6-3 (เหย้า), แพ้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 0-2 (เยือน), ชนะคลับ บรูช 5-1 (เยือน), ชนะคลับ บรูช 4-1 (เหย้า), ชนะปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2-1 (เหย้า), แพ้ไลป์ซิก 1-2 (เยือน)
จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้าย แอตฯ มาดริดชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยผลรวม 2-1 ส่วนแมนฯ ซิตี้ชนะสปอร์ติง ลิสบอนด้วยผลรวม 5-0

ความพร้อมนัดนี้ แอตฯ มาดริดต้องรอเช็กความฟิต โฆเซ มาเรีย คิเมเนซ, เอ็กตอร์ เอร์เรรา, มาริโอ เอร์โมโซ ด้านแมนฯ ซิตี้ไม่มี กาเบรียล เชซุส (ติดโทษแบน) และต้องลุ้นความฟิต รูเบน ดิอาส
คาดว่าเจ้าบ้านจะวางหมาก 3-5-2 ยาน โอบลัก : สเตฟาน ซาวิช, เฟลิเป, เรยนิลโด : มาร์กอส ยอเรนเต, โรดริโก เด ปอล, ชอฟเฟรย์ กงด็อกเบีย, โกเก, เรนัน โลดี : เชา เฟลิกซ์, อองตวน กรีซมันน์
ขณะที่ทีมเยือนคงใช้แผน 4-3-3 เอแดร์สัน โมไรส์ : ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, อายเมอริก ลาปอร์กต์, เชา คันเซโล : อิลคาย กุนโดกัน, โรดรี เอร์นานเดซ, เควิน เดอ บรอยน์ : ริยาด มาห์เรซ, ฟิล โฟเดน, ราฮีม สเตอร์ลิง

แอตฯ มาดริดแม้จะเป็นทีมจอมเขี้ยว แต่ก็ค่อนข้างถนัดเกมรับมากกว่า ถ้าแมนฯ ซิตี้ไม่ประมาทจนเปิดช่องเอง ทีมเยือนก็น่าประคองตัวผ่านเข้ารอบไปได้

ลิเวอร์พูล-เบนฟิกา “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “เหยี่ยวลิสบอน” เบนฟิกา จากโปรตุเกส เกมแรกลิเวอร์พูลบุกชนะ มา 3-1
เส้นทางที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาในฐานะแชมป์กลุ่มบี ลงแข่ง 6 นัดชนะรวด กวาดครบ 18 คะแนนเต็ม โดยชนะเอซี มิลาน 3-2 (เหย้า), ชนะปอร์โต 5-1 (เยือน), ชนะ แอตเลติโก มาดริด 3-2 (เยือน), ชนะแอตเลติโก มาดริด 2-0 (เหย้า), ชนะปอร์โต 2-0 (เหย้า), ชนะเอซี มิลาน 2-1 (เยือน)
ส่วนเบนฟิกาเริ่มจากรอบ คัดเลือกรอบสาม ชนะสปาร์ตัก มอสโกด้วยผลรวม 4-0 จากนั้นรอบเพลย์ออฟ ชนะพีเอสวีด้วยผลรวม 2-1 และรอบแบ่งกลุ่มได้รองแชมป์กลุ่มอี ลงเตะไป 6 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2 เก็บได้ 8 คะแนน

โดยผลงานรอบแบ่งกลุ่มของเบนฟิกา เสมอดินาโม เคียฟ 0-0 (เยือน), ชนะบาร์เซโลนา 3-0 (เหย้า), แพ้บาเยิร์น มิวนิก 0-4 (เหย้า), แพ้บาเยิร์น มิวนิก 2-5 (เยือน), เสมอบาร์เซโลนา 0-0 (เยือน), ชนะดินาโม เคียฟ 2-0 (เหย้า)
จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ลิเวอร์พูลชนะอินเตอร์ มิลานด้วยผลรวม 2-1 ด้านเบนฟิกาชนะอาแจ็กซ์ด้วยผลรวม 3-2
คู่นี้เคยเจอกันในถ้วยยุโรปทั้งหมด 11 ครั้ง ลิเวอร์พูลชนะ 7 นัด เบนฟิกาชนะ 4 นัด โดยนอกเหนือจากฤดูกาลปัจจุบัน หนล่าสุดทั้งคู่พบกันในยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2009-10 รอบก่อนรองชนะเลิศ เบนฟิกาเล่นในบ้านชนะ 2-1 อีกนัดลิเวอร์พูลคว้าชัยในถิ่น 4-1

ความพร้อมนัดนี้ ลิเวอร์พูลไม่มีปัญหาขาดแคลนนักเตะแต่อย่างใด ด้านเบนฟิกาจะชวดใช้งาน โรดริโก ปินโญ (บาดเจ็บ)
คาดว่าเจ้าบ้านจะใช้แผน 4-3-3 อลิสสัน เบ็กเกอร์ : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดก์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน : นาบี เกอิตา, ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก โชตา, หลุยส์ ดิอาซ
ขณะที่ทีมเยือนคงวางหมาก 4-2-3-1 โอดิสเซอัส วลาโคดิมอส : จิลแบร์โต, นิโกลัส โอตาเมนดี, ยาน แฟร์ตองเกน, อเล็กซ์ กริมัลโด : ยูเลียน ไวเกิล, อเดล ตารับต์ : ราฟา ซิลวา, กอนซาโล รามอส, เอแวร์ตัน : ดาร์วิน นูนเญซ

ลิเวอร์พูลแกร่งกว่าเบนฟิกาเยอะ แถมยังได้เปรียบด้านสถานการณ์โดยสิ้นเชิง เจ้าถิ่นน่าย้ำแค้นอีกเกม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน