เสี่ยวหมี่ ผู้พัฒนาสมาร์ตโฟนจากประเทศจีน ที่กำลังเป็นหนึ่งในดาวรุ่งของวงการด้วยการเติบโตขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรมือถืออันดับสามรองจากแอปเปิ้ล ประเทศสหรัฐอเมริกา และซัมซุง ประเทศเกาหลีใต้

สานต่อความสำเร็จในปีนี้ด้วยเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเสี่ยวหมี่ 12 ซีรีส์ ซึ่งมีจุดเด่นที่สุดเป็นระยะเวลาการชาร์จที่ “รวดเร็วอย่างน่าตกตะลึง” ที่สุดในบรรดามือถือท็อปทรีของโลก ผสานกับฟีเจอร์ล้ำสมัยครบครัน งานออกแบบที่ประณีต หน้าจอคมชัดสวยงาม สเป๊กแรงสุดลิ่ม และราคาที่น่าเย้ายวนใจ

เสี่ยวหมี่ 12 ซีรีส์ เปิดตัวพร้อมกัน 3 รุ่น ได้แก่ เสี่ยวหมี่ 12 โปร (Xiaomi 12 Pro) เสี่ยวหมี่ 12 (Xiaomi 12) และเสี่ยวหมี่ 12 ไลท์ (Xiaomi 12 Lite) โดยเมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งเปิดตัวรุ่นเหนือเรือธงมาใหม่ เสี่ยวหมี่ 12 อัลตรา (Xiaomi 12 Ultra) แต่สำหรับการรีวิว จะเจาะลึกเฉพาะเครื่องที่ผู้ทดลองได้มาทดสอบ ได้แก่ เสี่ยวหมี่ 12 โปร และเสี่ยวหมี่ 12

ทั้งนี้ เครื่องเสี่ยวหมี่ 12 โปร ที่ได้มาลองใช้นั้นยังไม่ได้ใบรับรองจากกูเกิ้ล (ไม่มี Play Protect Certification หรือ PPC) จึงอาจแตกต่างจากสินค้าจริง (ซึ่งต้องผ่านมาอยู่แล้ว) เล็กน้อย ส่วนรุ่น 12 ที่ได้มานั้นมี PPC มาตามปกติ

เสี่ยวหมี่ 12 โปร และ 12 แลดูน่าประทับใจตั้งแต่งานออกแบบภายนอก ที่ปีนี้ทางเสี่ยวหมี่ปรับปรุงมาได้สวยงาม ให้ความรู้สึกพรีเมียมอย่างยิ่งด้วยวัสดุกระจก Gorilla Glass Victus ประกบโครงอะลูมิเนียมแบบด้าน โค้งเว้ารับกับหน้าจออย่างประณีต ผนึกกับฝาหลังที่เป็นกระจกชนิดเดียวกันแบบพ่นด้าน หมดปัญหาเรื่องรอยนิ้วมือ พร้อมเลนส์ 3 ชิ้นจัดเรียงตัวทอดตามแนวยาวบนโมดูลขอบเจียระไนมุมโค้งมน ยกตัวขึ้นจากเครื่องเล็กน้อย

ปุ่มควบคุมทั้งหมดเรียงตัวอยู่สันด้านขวา (หันจอเข้าหาผู้ใช้) เป็นปุ่มอะลูมิเนียมให้ความรู้สึกค่อนข้างคมเวลากด แต่มั่นคงไม่โยกเยก ตอบสนองว่องไว มีช่อง USB-C และถาดใส่ซิมที่ใส่ได้ 2 ซิมที่สันด้านล่าง

รวมถึงลำโพงสเตอริโอที่อยู่ทั้งสันบนและล่าง ปรับแต่งเสียงโดยค่าย harman/kardon จากสหรัฐอเมริกา (บริษัทในเครือซัมซุง) ตลอดจนเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือในจอภาพที่ว่องไวและแม่นยำ ขณะที่บนเหนือสุดของจอมีหลุมกล้องเซลฟี่อยู่กึ่งกลาง

การทดสอบคุณภาพเสียง พบว่า มีเสียงดังดีและคมชัดมาก เบสมีให้พอหายคิดถึง แต่กระชับ ไม่ลากไม่คราง เสียงกลางเด่นพุ่งเข้าหาผู้ใช้ เสียงสูงค่อนข้างคมแต่ไม่ถึงกับบาดหู ให้ความรู้สึกมีสีสันกระฉับกระเฉง เวทีเสียงปานกลาง มิติทางลึกชัดเจนแยกเครื่องดนตรีได้เยี่ยม เป็นลำโพงที่รอบด้านช่วยเพิ่มไดนามิกของเสียงให้กับทั้งการฟังเพลง ชมภาพยนตร์ และเล่นเกม

อย่างไรก็ดี ผู้ทดสอบค่อนข้างแปลกใจที่ตำแหน่งของลำโพงไม่ตรงกันเหมือนสมาร์ตโฟนทั่วไป โดยในรุ่น 12 โปร ลำโพงอยู่สันล่างด้านขวาและสันบนด้านซ้าย (แต่รุ่น 12 ลำโพงอยู่ข้างเดียวกัน) มองว่าควรอยู่ฝั่งเดียวกันไปดีกว่า

การมีลำโพงคนละด้านแต่สลับตำแหน่งกันส่งผลให้เกิดอุปสรรคต่อการใช้งานแนวนอน (Landscape) โดยเฉพาะหากเวลาเล่นเกมที่ต้องใช้สองมือ ทำให้ไม่ว่าจะกลับหัวกลับหางอย่างไรก็อาจมีลำโพงด้านหนึ่งที่ถูกอุ้งมือบัง

ความแตกต่างภายนอกระหว่าง 12 โปร และ 12 อยู่ที่ขนาดเครื่องและจอแสดงผล โดยรุ่น 12 โปรมีความยาว 163.6 ยาว 74.6 และหนา 8.2 มิลลิเมตร น้ำหนัก 205 กรัม ส่วนรุ่น 12 มีขนาด 152.7×69.9×8.2 ม.ม. น้ำหนัก 180 กรัม

รุ่น 12 โปร มีหน้าจอแสดงผลแบบ LTPO AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด 1,440×3,200 พิกเซล (QHD+) ความหนาแน่นพิกเซล 521 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (PPI) ความสว่างสูงสุด 1,500 นิต รองรับ HDR10+ และ Dolby Vision อัตราส่วนภาพ 20:9 พื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องร้อยละ 89.6 สนับสนุนความถี่อัตโนมัติ 1 ถึง 120 เฮิร์ตซ์ (Hz)

รุ่น 12 เป็นหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.28 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 1,100 นิต ความละเอียด 1,080×2,400 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 419 PPI นอกนั้นเหมือนกับรุ่น 12 โปร แน่นอนว่ารุ่น 12 นั้นมีขนาดกะทัดรัดและพกพาสะดวกกว่า

ความน่าประทับใจที่สุดของเสี่ยวหมี่ 12 ซีรีส์ ผู้ทดสอบยกให้เป็นแบตเตอรี่ โดยรุ่น 12 โปรมาพร้อมกับแบตฯ ความจุ 4,600 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) และรุ่น 12 มีแบตฯ จุ 4,500 mAh ถือว่าเล็กกว่าแบตฯ ในเรือธงทั่วไปที่ส่วนใหญ่ไปกันถึง 5,000 mAh แล้ว และเล็กกว่ารุ่นที่ผ่านมา ทว่า เล็กกว่าไม่ได้หมายความว่าแย่ลง เพราะจากการทดสอบใช้งาน พบว่าทั้งรุ่น 12 โปร และรุ่น 12 สามารถใช้งานได้ตลอดวันอย่างหายห่วงที่ความสว่างและความถี่อัตโนมัติ

ที่สำคัญ ระยะเวลาการชาร์จของ 12 โปร รวดเร็วอย่างน่าตื่นตะลึง จากการทดสอบกับชาร์จเจอร์ที่แถมมาให้มีขนาด 120 วัตต์ (W) สามารถชาร์จตั้งแต่ศูนย์ถึงเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ภายใน 26 นาทีเท่านั้น! (โฆษณาไว้ที่ 18 นาที) และได้ถึงร้อยละ 50 ภายในเวลาเพียง 10 นาที ขณะที่รุ่น 12 มีชาร์จเจอร์ขนาด 67W แถมมาให้สามารถชาร์จเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในเวลาเพียง 39 นาที นับเป็นสมาร์ตโฟนที่ชาร์จไวที่สุดเท่าที่ผู้ทดสอบเคยทดลองมา (และไวที่สุดในบรรดาท็อปทรี) ทั้งสองรุ่นยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สายขนาด 50W และ Reverse Charging (ชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่น) ขนาด 10W อีกด้วย

ระยะเวลาการชาร์จที่ “เร็วจนน่าตื่นตะลึง” กำลังกลายเป็นจุดเด่นที่สุดของมือถือเสี่ยวหมี่และจุดขายที่ล้ำหน้ายิ่งกว่าแอปเปิ้ลและซัมซุง หากใครได้ลองใช้จนชินแล้วอาจรู้สึกหงุดหงิดกับระยะเวลาการชาร์จของมือถือค่ายอื่นเลยทีเดียว

เรือธงทั้งสองรุ่นของเสี่ยวหมี่รันด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 12 จากกูเกิ้ล และ MIUI 13 ของทางเสี่ยวหมี่ โดยทางเสี่ยวหมี่มีนโยบายอัพเกรดโอเอสให้ 3 ปี ถือว่าน้อยกว่าซัมซุง 1 ปี

ส่วนขุมพลังเป็นแบบเดียวกัน คือ ชิพวงจร (SoC) รุ่น Snapdragon 8 Gen 1 จากค่ายควอลคอมม์ ประเทศสหรัฐ เป็นชิพเรือธงตัวใหม่ล่าสุดที่สร้างจากสถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 4 นาโนเมตร (nm) ภายในมีหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียูแบบ 8 คอร์ (Octa-core) และหน่วยประมวลผลกราฟิก หรือจีพียูรุ่น Adreno 730 รองรับสัญญาณโทรศัพท์ 5G สัญญาณบลูทูธ 5.2 และ Wi-Fi 6e เวอร์ชั่นล่าสุด แบบ dual-band

ภายในซีพียูแบ่งออกเป็น 3 คลัสเตอร์ ได้แก่ 1 คอร์หลักรุ่น Cortex-X2 ความถี่สัญญาณนาฬิกา 3.00 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) 3 คอร์ทองรุ่น Cortex-A710 ความถี่ 2.50 GHz และ 4 คอร์เงินรุ่น Cortex-A510 ความถี่ 1.80 GHz

สำหรับหน่วยความจำแรมและพื้นที่เก็บข้อมูลที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ 8/256 และ 12/256 กิกะไบต์ตามลำดับ มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีเทา (Gray) สีม่วง (Purple) และสีฟ้า (Blue)

การทดสอบเบนช์มาร์กซีพียูผ่านแอพพลิเคชั่น Geekbench 5 ของทั้งสองรุ่น พบว่าได้คะแนนประมวลผลคอร์เดี่ยว 1,232 และหลายคอร์ 3,633 แต้ม ส่วนเบนช์มาร์กจีพียูผ่านแอพ 3DMark : Wild Life ได้คะแนนถึง 9,737 แต้ม เหนือกว่าร้อยละ 98 ของสมาร์ตโฟนในตลาด อยู่ในระดับเดียวกันกับเรือธงจากซัมซุงและเป็นรองเพียงไอโฟน 13 โปร และไอโฟน 13 โปร แม็กซ์

ผู้ทดสอบพบว่า ประสิทธิภาพของเสี่ยวหมี่ 12 ซีรีส์ทั้งสองรุ่น สามารถรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบอย่างเหลือเฟือ สามารถเล่นเกมระดับ AAA อย่าง Genshin Impact และ Heaven Burns Red ได้ลื่นไหล แต่ยังพบปัญหาเรื่องความร้อนอยู่บ้างโดยเฉพาะหากวางโทรศัพท์เล่นเกมบนเครื่องหนัง ไม่ควรหาทำ (วัดได้ถึง 52 องศาเซลเซียส) แต่หากถือเล่นในมือ สูงสุดไม่เกิน 50 องศาเซลเซียส ลองเล่น Heaven Burns Red ได้ติดต่อกันนานประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ

สำหรับกล้องถ่ายภาพของเสี่ยวหมี่ 12 โปร ด้านหน้าเป็นกล้องเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (MP) ด้านหลังประกอบด้วยเลนส์หลัก เลนส์อัลตราไวด์ และเลนส์เทเลโฟโต้ความละเอียด 50 MP สามารถซูมแท้ หรือออพติคอลได้สูงสุด 2 เท่า เมื่อพิจารณาจากสเป๊กแล้วจะพบว่า เป็นเรือธงที่มีกล้องสเป๊กต่ำกว่าคู่แข่งหลายค่าย โดยเฉพาะเรื่องการซูมที่แม้กระทั่งกูเกิ้ล พิกเซล 6 โปร ที่ราคาต่ำกว่า ยังซูมได้เหนือกว่า รวมถึงการไม่มีระบบ AF สำหรับกล้องอัลตราไวด์ที่แพ้ทางออปโป้ ฟายด์ เอ็กซ์ 3 โปร และเอ็กซ์ 5 โปร

ทว่า จากการทดสอบถ่ายจริงกลับพบว่า ภาพที่ได้มีคุณภาพดีผิดคาด แม้จะไม่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ตาม มีความโดดเด่นเรื่องมิติของภาพเนื่องด้วยขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.28 นิ้ว (Sony IMX707) ใหญ่ยิ่งกว่าเซ็นเซอร์กล้องหลักในซัมซุง กาแล็กซี เอส 22 อัลตรา และมีความคมชัดมากกว่าไอโฟน 13 โปร แม็กซ์เล็กน้อย แต่เสียที่กล้องอัลตราไวด์ไม่มี AF และกล้องซูมแท้ได้น้อย

ส่วนการถ่ายคลิป รองรับสูงสุดที่ความละเอียด 8K อัตราเฟรม 24 เฟรมต่อวินาที ซึ่งคงหาคนนิยมได้ไม่มากนัก (ควรจะ 30 fps ขึ้นไป) สามารถทำงานได้สมบูรณ์แบบในที่สว่าง มีระบบต่อต้านภาพสะเทือนทำงานได้ดีแต่ยังแพ้ทางออปโป้ ฟายด์ เอ็กซ์ 5 ในที่มืด เรียกว่าคุณภาพพอกันกับซัมซุง กาแล็กซี เอส 22 และ 22 พลัส

ผู้ทดสอบมองว่า เสี่ยวหมี่ 12 โปร และ 12 เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่มีสเป๊กกล้องไม่ทัดเทียมคู่แข่ง มีการวางตำแหน่งลำโพงที่ค่อนข้างแปลก และ MIUI 13 ที่แม้จะได้รับการพัฒนาต่อเนื่องแต่ยังไม่สมบูรณ์เท่ากับ One UI ของซัมซุง

ทว่า ชดเชยด้วยการออกแบบเรียบหรูดูดีพรีเมียม หน้าจอคมชัดทันสมัย ลำโพงเสียงดี แบตเตอรี่ที่ยาวนาน สเป๊กแรงล่าสุด และระยะเวลาการชาร์จที่เร็วจนน่าตกตะลึง ควบรวมกับราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า กาแล็กซี เอส 22 พลัส และ 22 สนนราคาที่ 24,890 (รุ่น 12) และ 31,990 บาท (รุ่น 12 โปร)

จึงเป็นตัวเลือกโดดเด่นที่น่าเย้ายวนยิ่งในกลุ่มแบรนด์ชั้นนำชั่วโมงนี้

จันท์เกษม รุณภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน