คืนนี้จะได้ทีมแรกที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก บียาร์เรอัลตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างมาก เกมนี้จะได้แก้มือเปิดบ้านต้อนรับลิเวอร์พูล คู่นี้จะเป็นไปตามคาดหรือเกิดการพลิกล็อก

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2565
ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก
รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
บียาร์เรอัล-ลิเวอร์พูล “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล จากสเปน เปิดสนาม เอสตาดิโอ เด ลา เซรามิกา รับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ เกมแรกลิเวอร์พูลชนะมาก่อน 2-0

เส้นทางที่ผ่านมา บียาร์เรอัลเริ่มจากรอบแบ่งกลุ่ม คว้ารองแชมป์กลุ่มเอฟที่มีคู่แข่งอย่าง อตาลันตา, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยัง บอยส์ ทำผลงานชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 เก็บไป 10 คะแนน
โดย บียาร์เรอัล เสมอ อตาลันตา 2-2 (เหย้า), แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-2 (เยือน), ชนะ ยัง บอยส์ 4-1 (เยือน), ชนะ ยัง บอยส์ 2-0 (เหย้า), แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-2 (เหย้า), ชนะ อตาลันตา 3-2 (เยือน)
จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะ ยูเวนตุส ด้วยผลรวม 4-1 และรอบก่อนรองชนะเลิศ ชนะ บาเยิร์น มิวนิก ด้วยผลรวม 2-1

ด้านลิเวอร์พูลเริ่มจากรอบแบ่งกลุ่ม ได้แชมป์กลุ่มบีที่มีคู่แข่งอย่าง เอซี มิลาน, ปอร์โต และ แอตเลติโก มาดริด ลงเตะ 6 นัดชนะรวด กวาดครบ 18 คะแนนเต็ม
โดย ลิเวอร์พูล ชนะมิลาน 3-2 (เหย้า), ชนะ ปอร์โต 5-1 (เยือน), ชนะ แอตฯ มาดริด 3-2 (เยือน), ชนะ แอตฯ มาดริด 2-0 (เหย้า), ชนะ ปอร์โต 2-0 (เหย้า), ชนะ มิลาน 2-1 (เยือน)
จากนั้นรอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะ อินเตอร์ มิลาน ด้วยผลรวม 2-1 และรอบก่อนรองชนะเลิศ ชนะ เบนฟิกา ด้วยผลรวม 6-4

คู่นี้เจอกันในถ้วยยุโรปมาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง โดยคราวที่เคยพบกันก่อนฤดูกาลปัจจุบันนั้นเป็นศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2015-16 รอบรองชนะเลิศ บียาร์เรอัล ชนะในบ้าน 1-0 และ ลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะ 3-0

ความพร้อมนัดนี้ บียาร์เรอัล ขาด อัลเบร์โต โมเรโน (บาดเจ็บ) และต้องลุ้นความฟิต ฟรองซิส โกเกอแลง, เคราร์ด โมเรโน, ราอูล อัลบิโอล, อาร์เนาต์ ดันจูมา, เยเรมี ปิโน ส่วน ลิเวอร์พูล ไม่มี โรแบร์โต ฟีร์มิโน (บาดเจ็บ) และ ต้องเช็กฟิต คอสตาส ซิมิกาส, เคอร์ติส โจนส์

คาดว่าเจ้าบ้านจะใช้แผน 4-4-2 เคโรนิโม รูยี : ฮวน ฟอยธ์, ราอูล อัลบิโอล, เปา ตอร์เรส, เปร์บิส เอสตูปินญาน : ซามูเอล ชุกวูเซ, เอเตียน กาปู, ดานี ปาเรโฮ, มานู ตริเกรอส : โจวานี โล เชลโซ, อาร์เนาต์ ดันจูมา
ขณะที่ทีมเยือนคงมาในระบบ 4-3-3 อลิสสัน เบ็กเกอร์ : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โคนาเต, เฟอร์จิล ฟาน ไดก์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ, ติอาโก อัลคันตารา : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน, หลุยส์ ดิอาซ

ความสำเร็จในรายการนี้ที่ผ่านมา บียาร์เรอัลยังไม่เคยเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศเลย โดยนี่นับเป็นการมาถึงรอบรองชนะเลิศหนที่ 2 ขณะที่ฤดูกาลก่อนไม่ได้มาร่วมแข่งขัน โดยได้เล่นในยูฟ่า ยูโรปา ลีก และคว้าแชมป์มาครอง
ส่วน ลิเวอร์พูล เคยได้แชมป์รายการนี้ 6 สมัยในฤดูกาล 1976-77, 1977-78, 1980-81, 1983-84, 2004-05 และ 2018-19 ผลงานฤดูกาลที่แล้วตกรอบก่อนรองชนะเลิศ

สำหรับกุนซือทั้ง 2 ฝั่ง อูไน เอเมรี ของบียาร์เรอัล เข้ามารับงานกับสโมสรแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อปี 2020 และพาทีมคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ซึ่งเป็นหนที่ 4 ในอาชีพของเจ้าตัวด้วย ก่อนหน้านี้เคยพาเซบีญาคว้าแชมป์นี้มาแล้วถึง 3 สมัย

นอกจากนี้ เอเมรียังเคยคุมปารีส แซงต์ แชร์กแมง พาทีมคว้า 3 แชมป์ในฝรั่งเศสเมื่อฤดูกาล 2017-18 ส่วนงานอื่นเคยคุม ลอร์กา เดปอร์ติบา, อัลเมเรีย, บาเลนเซีย, สปาร์ตัก มอสโก และ อาร์เซนอล

ทางด้าน เจอร์เกน คล็อปป์ ของ ลิเวอร์พูล เข้ามาทำงานกับทีมตั้งแต่เมื่อปี 2015 ก่อนจะเปลี่ยนสโมสรแห่งนี้ให้กลายเป็นหนึ่งในทีมที่น่ากลัวสุดของโลกไปแล้ว โดยพาทัพ “หงส์แดง” สัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมเปียนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ

ส่วนฤดูกาลนี้คล็อปป์ยังมีโอกาสนำลิเวอร์พูลสร้างประวัติศาสตร์กวาดครบ 4 แชมป์ใหญ่ เมื่อซิวคาราบาว คัพ มาครองเรียบร้อย ขณะที่พรีเมียร์ลีก, แชมเปียนส์ ลีก และเอฟเอ คัพ กำลังขับเคี่ยวอยู่ นอกจากนี้ เจ้าตัวยังเคยคุม ไมนซ์ และ โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ มาแล้วด้วย

บียาร์เรอัลแม้จะได้เปรียบในบ้าน แต่ศักยภาพยังด้อยกว่าลิเวอร์พูลอย่างเห็นได้ชัด แถมสภาพทีมยังค่อนข้างมีปัญหาอีก มองแล้วทีมเยือนอาจบุกมาย้ำแค้นได้เลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน