เมื่อวันที่ 2 พ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการอิสราเอลประณามคำกล่าว ของนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย หลังนายลาฟรอฟระบุ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำพรรคเยอรมันนาซี ผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่า 6 ล้านรายในสงครามโลกครั้งที่สอง มีสายเลือดชาวยิว

นายลาฟรอฟกล่าวภายในรายการสัมภาษณ์พิเศษของสถานีโทรทัศอิตาลี ย้ำถึงข้อครหา ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย มีต่อยูเครนว่ากลายเป็นแหล่งบ่มเพาะลัทธินาซีใหม่ ทำให้รัสเซียต้องเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารเพื่อกวาดล้าง พร้อมระบุอีกว่าตนเชื่อว่าฮิตเลอร์ นั้นมีสายเลือดชาวยิวด้วย

คำกล่าวดังกล่าวสร้างไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับทางการอิสราเอล โดยนายยาอีร์ ลาปิด รมว.ต่างประเทศอิสราเอล กล่าวตอบโต้ว่า เป็นคำกล่าวหาที่ไร้ข้อพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์ และว่าเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ที่ร้ายแรงและไม่สามารถอภัยให้ได้ พร้อมเรียกร้องให้นายลาฟรอฟกล่าวขอขมาต่อชาวยิวทั้งประเทศด้วย

วันเดียวกัน ทางการฟินแลนด์เตรียมประกาศการตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ภายหลังการรุกรานยูเครนของรัสเซียสร้างความหวาดผวาให้กับฟินแลนด์ที่มีพรมแดนติดกับรัสเซียยาว 1,300 กิโลเมตร รวมถึงสวีเดนเพื่อนบ้านของฟินแลนด์

อิลทาเลห์ติ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในฟินแลนด์อ้างแหล่งข่าวระดับสูงจากภายในรัฐบาลฟินแลนด์ว่าการประกาศจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนในวันดังกล่าว เริ่มด้วยการประกาศความเห็นชอบ โดยประธานาธิบดีเซาลี นีนิสเตอ ผู้นำฟินแลนด์ และบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผ่านร่างกฎหมายการขอเข้าร่วมนาโต

รายงานระบุว่า หากฟินแลนด์และสวีเดนตัดสินใจเข้าร่วมนาโตจะถือเป็นการละทิ้ง หลักการรักษาสันติภาพด้วยการไม่เลือกข้างที่ยึดถือมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่ ทางการรัสเซียเคยขู่ไว้ว่าหากทั้งสองชาติเข้าร่วมนาโตก็จะดำเนินการติดตั้งขีปนาวุธเหนือเสียงและหัวรบนิวเคลียร์ที่ชายฝั่งแคว้นคาลินินกราดทันที

รอด – เจ้าหน้าที่กู้ภัยยูเครนเข้าช่วยเหลือพลเรือนที่หลบการสู้รบอยู่ในอุโมงค์ใต้นิคมอุตสาหกรรมเหล็กกล้าอาซอฟสตอลที่เมืองมาริอูโปล หลังรัสเซียเข้ายึดครองเมือง พลเรือนคนหนึ่งระบุว่าไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมานานกว่า 2 เดือนแล้ว เมื่อ 2 พ.ค. (รอยเตอร์)

ด้านคืบหน้าสงครามในประเทศยูเครน ล่าสุดทางการยูเครนอยู่ระหว่างวางแผนช่วยเหลืออพยพเพิ่มเติมอีกเนื่องจากยังมีพลเรือนตกค้างอยู่ในเมืองมาริอูโปลจำนวนมากหลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลือพลเรือนออกมาได้ราว 100 คน จากซากปรักหักพังในนิคมอุตสาหกรรมอาซอฟสตอลซึ่งถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมและยิงถล่ม

การอพยพที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากความตกลงระหว่างทางการยูเครนและรัสเซีย โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุถึงการอพยพที่เกิดขึ้นว่าพลเรือนที่ประสงค์จะเดินทาง ออกจากนิคมไปยังพื้นที่อื่นที่ถูกควบคุมโดยยูเครนสามารถทำได้ และว่ามีสหประชาชาติ หรือยูเอ็น และผู้แทนจากคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือไอซีอาร์ซี

หญิงชาวยูเครนรายหนึ่งที่ได้รับความช่วยเหลือถึงกับกล่าวทั้งน้ำตาว่าไม่ได้เห็นแสงแดดมานานกว่า 2 เดือนแล้ว และคิดว่าตนเองคงไม่มีชีวิตรอดระหว่างที่รัสเซียยิงถล่มอย่างหนัก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน