“ทำไมเวลาเกิดเรื่องอะไร ต้องเป็นพวกเธอ 3 คนทุกที” เพจหนังเอาไปล้อ กดหัวร่อกันครึกครื้น
ทหาร ตำรวจ พระ เป็นดราม่าได้ทั้งปี เดี๋ยวทหารเมากร่าง ครูฝึกบังคับกินอสุจิ เดี๋ยวตำรวจคลิปหลุด เต้นเคล้าโคโยตี้ จังหวัดคุณมีพระดังกับสันเขื่อนไหม รู้หรือยัง Soft Power สร้างแหล่งท่องเที่ยวได้นะ
ทหาร ตำรวจ พระ เป็นสัญลักษณ์ของอะไร ของอำนาจ ที่อ้างเสียสละกล้าหาญแล้วเบ่งกล้ามได้ ของความยุติธรรม ที่กำลังเสื่อมทั้งกระบวนการ ของศีลธรรม ซึ่งการครอบงำแบบเดิมๆ กำลังล่มสลาย
ในภาพรวม ใบตองแห้ง”สังคมดราม่า” กำลังไล่ขยี้อภิสิทธิ์ชน คนมีเงิน มีอำนาจ มีเส้นสาย หรือพวกอ้างเป็นคนดีมีศีลธรรม เพื่อหลุดพ้นความผิด ทั้งทางสังคมและทางกฎหมาย
เมื่อก่อนยังจำกัดแค่นักการเมืองเป็นผู้ร้าย แต่ยุคนี้โซเชี่ยลมีเดียติดจรวด ทหาร ตำรวจ พระ ผู้มีอำนาจราชการ (เช่นอธิการบดี, รองอธิบดี) ผู้มีอำนาจศรัทธา เช่นกาโตะ ล้วนหนีไม่พ้นกรรมออนไลน์ ยิ่งดิ้นยิ่งตาย ยิ่งแถยิ่งพันคอ
พระกับสีกามีมาแต่โบราณ ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าพระยอมสึกโดยดี กลับไปใช้ชีวิตฆราวาส แต่นี่เป็นพระที่มีชื่อเสียงเงินทอง มี FC ปกป้อง แบบยอมรับผิดแล้วไง ยอมรับว่าขาดความยับยั้งชั่งใจ ผู้หญิงมันยั่วแครอทก่อน ฉะนั้น ลุงตู่สู้ๆ เอ๊ย กาโตะสู้ๆ เป็นกำลังใจให้เธอ อภัยให้เสมอ
บางคนยังอ้างทฤษฎีสมคบคิด มีขบวนการ “นารีพิฆาต” ทำลายศาสนา ทำลายพระนักเทศน์นักพัฒนา (ที่มีเงินเป็นฟ่อน)
กรณีกาโตะ สะท้อนความโหยหาของลุงป้าน้าอา กลัวศาสนาเสื่อม กลัวสังคมเปลี่ยนไป กลัวตายแล้วไม่มีคนทำบุญให้ กลัวคนต่อๆ ไปไม่เข้าวัด กลัวเด็กสามนิ้วไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ ฯลฯ พอได้พระหนุ่มเทศน์ตลก อดีตนักร้องไมค์ทองคำ มาปลุกบรรยากาศคึกคัก ก็ตื้นตันน้ำตาไหล เท่าไหร่เท่ากัน ผิดก็ยังให้อภัย
เป็นความหวาดวิตกต่อโลกสมัยใหม่ ของคนที่ได้รับการสั่งสอนอบรมโดยพนมมือไหว้ ไม่มองว่าศาสนาอยู่ที่สารัตถะ ปรัชญา วิธีคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่สวรรค์นรกอันใด พอไม่สามารถอบรมคนรุ่นลูกรุ่นหลานด้วยวิธีเดิมๆ ก็กลัวศีลธรรมเสื่อม ไล่ไปหุงข้าวให้เป็นก่อน
ศีลธรรมไทยนั้นไม่ได้ผูกกับเหตุผล แต่ผูกอยู่กับตัวบุคคล ผูกอยู่กับรูปเคารพ พอสูญเสียรูปเคารพ หาทดแทนไม่ได้ ก็เคว้งคว้างหวั่นไหว พยายามปกป้องแม้รู้แก่ใจว่าไม่ใช่ กลับทำให้สถาบันทางศีลธรรมทั้งหลายดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาศาสนาไม่สามารถแก้ด้วยอำนาจหรือกฎหมาย แบบเพิ่มบทลงโทษพระ-สีกา แบบเอาผิดคนหมิ่นศาสนา หรือเพิ่มอำนาจสำนักพุทธ ซึ่งกลายเป็นมือปราบพระทางการเมือง ว่าที่จริง ป้ายต่อต้านหมอปลาที่พิษณุโลกก็พูดถูกในแง่กฎหมาย หมอปลาไม่มีอำนาจบุกค้นวัด พลังทางสังคมต่างหากให้อำนาจหมอปลา
พระเป็นภาพแทนอำนาจทางศีลธรรม ซึ่งกำลังเสื่อมทรุดสิ้นศรัทธา ศาสนาถูกจำกัดอยู่ใต้คณะสงฆ์ที่มาจากแต่งตั้ง ถอยห่างออกจากสังคม จนวัดเหลือเพียงที่เผาศพ แก้บน ถวายสังฆทาน หรือให้หวย ไม่ใช่พื้นที่ถกเถียงหลักธรรมคำสอน ความคิด ปรัชญา
ตำรวจเป็นภาพแทนกระบวนการยุติธรรม อำนาจที่ใช้ปราบปราม ซึ่งไม่ใช่บิดเบี้ยวแค่ทางการเมือง แค่ใช้จัดการม็อบ แบบใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ บิดเบือนกฎหมาย ยัดข้อหา จับขังไม่ให้ประกัน
แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน ชอบอ้างเป็นใครบ้าง ตำรวจ ทหาร สรรพากร ปปง. ป.ป.ส. ล้วนเป็นหน่วยงานที่ประชาชนหวาดกลัว เพราะมีอำนาจมาก บางหน่วยยึดทรัพย์ได้โดยไม่ต้องขอคำสั่งศาล พอแก๊งอาชญากรเอาไปอ้าง คนก็กลัวลนลาน ใครจะรู้ว่าของจริงของปลอม เพราะของจริงก็ใช้รีดไถตบทรัพย์ได้
ทหารเป็นภาพแทนอำนาจเหนือระบบ เป็นโครงสร้างอภิสิทธิ์ ตั้งแต่นายพลล้นเกินลงมาถึงจ่าสิบเอกไล่ยายขายลอตเตอรี่ โครงสร้างทหารเป็นรัฐซ้อนรัฐในประเทศนี้ ขี่คอรัฐบาลอีกที ถ้าไม่ใช่รัฐบาลที่นายกฯ มาจากรัฐประหาร
กองทัพมีงบประมาณเหลือเฟือ ไม่ใช่แค่ซื้ออาวุธ งบกำลังพลเพิ่มทุกปี อยู่บ้านหลวง น้ำฟรีไฟฟรี น้ำมันฟรี เกษียณแล้วยังอยู่ต่อ พอเด็กจะไล่ไปขว้างระเบิดปิงปองใส่สนามหญ้า ก็จับขังยังกะคดีลอบสังหารบุคคลสำคัญ
ว่ากันเฉพาะหน้า ภาพลักษณ์ประยุทธ์ก็คือภาพลักษณ์ทหาร ทำตัวเป็นนายออกคำสั่ง เห็นประชาชนเป็นทหารเกณฑ์
ทหารเคยเป็นภาพแทนความกล้าหาญ เสียสละ แต่ปัจจุบันน่าจะไม่ใช่ กลายเป็นกล้ารัฐประหาร ของดีๆ ก็เอาก่อนคนอื่น ก่อนชาวบ้าน งบประมาณ เงินเดือน สวัสดิการ ทั้งที่ไม่เคยรบกับใคร
ตำรวจเป็นจุดดำของกระบวนการยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไร แต่ยุคนี้ลากไปด้วยกันหมด
ณ วันนี้ถ้าเปรียบเทียบกัน ระหว่างทหารกับเด็กอย่างตะวัน ใบปอ พลอย ไม่รู้ใครกล้ากว่าใคร ใครเสียสละกว่า เปรียบทนายอานนท์กับผู้หลักผู้ใหญ่ในกระบวนการยุติธรรม ใครกันแน่ซื่อตรงต่อกฎหมาย
เปรียบเทียบคนรุ่นใหม่กับตัวแทนอนุรักษนิยมทั้งหลาย จากรองหัวหน้าพรรค อธิการบดี ถึงกาโตะ จะเอาศีลธรรมแบบเก่าแบบใหม่ก็ได้หมด
ทหาร ตำรวจ พระ …. ต้องใส่จุดประ ยังมีอีกเยอะที่เครดิตล้มละลายประชาชนหมดศรัทธา
ใบตองแห้ง
