ทำเนียบรัฐบาล – เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมครม.ได้ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุระยะที่ 3 พ.ศ.2566-2580 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ เพื่อใช้เป็นกรอบบูรณาการการทำงานเชิงรุกในการรองรับสังคมสูงวัย ที่จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แล้วเมื่อปี 2564

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงว่า แผนดังกล่าว เป็นแผนระยะยาว 15 ปี มีการปรับแผน และประเมินผลทุกระยะ 5 ปี เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพที่ดี มีหลักประกันที่มั่นคง เป็นพลังร่วมในการพัฒนาสังคม เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิต มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ยังมีคุณค่าต่อสังคมไทย ดังนั้นต้องดูแลเขาให้ใช้ชีวิตอย่างดีมีคุณภาพในทุกมิติ มีศักดิ์ศรี ช่วยเหลือตัวเองได้ มีรายได้เพียงพอ เพื่อเป็นการรองรับสังคมสูงวัยในเชิงรุก ซึ่งจะเห็นว่าคนเรามีอายุยืนมากยิ่งขึ้น สถิติการแต่งงานลดลง การมีบุตรลดลง ดูได้จากยอดนักเรียนที่เข้าเรียนในชั้นอนุบาลมีจำนวนน้อยลง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เราจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย เราต้องทำแผนปฏิบัติการที่กำหนดให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ กรมกิจการผู้สูงอายุ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ดำเนินตามแผนยุทธศาสตร์อย่างบูรณการ ซึ่งเรามี 4 แผนย่อย 1.เตรียมความพร้อมประชากรก่อนวัยสูงอายุ เช่นการดูแลสุขภาพ เงินออมชราภาพ 2. การยกระดับคุณภาพชีวิต เสริมทักษะอาชีพ เข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ รับรู้ข่าวสารสำคัญ 3.การปฏิรูปกฎหมายระบบบริหาร และ4.เพิ่มศักยภาพการวิจัยและการบริหารเทคโนโลยี และนวัตกรรมรองรับสังคมสูงวัย อย่างไรก็ตาม เราต้องเชื่อมโยงฐานะข้อมูลผู้สูงอายุจากทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่อกำหนดนโยบาย ออกแบบปฏิบัติการต่างๆ ดึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะบทบาทจากชุมชน

ด้านน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขับเคลื่อนแผนดังกล่าว จะแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ แผนปฏิบัติการระยะเร่งด่วนใน 5 ปีแรก (พ.ศ.2566-2570) และแผนปฏิบัติการระยะ 15 ปี (พ.ศ.2566-2580)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน