ผลจากเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กับ ส.ก. อีก 50 เขต

ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะอ้างเป็นการเลือกตั้งแค่จังหวัดเดียว จึงไม่อาจใช้เป็นเครื่องชี้วัดภาพรวมคะแนนนิยมของรัฐบาลได้

แต่หลายคนเห็นว่าน่าจะเป็นแค่ การพูดปลอบใจตัวเองมากกว่า เพราะความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล และเป็นพรรคที่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ เมื่อปี 2562 และอาจเสนออีกครั้งหากพล.อ.ประยุทธ์ ยังคิดจะไปต่อ

ได้รับผลกระทบจากการเลือกตั้งครั้งนี้เต็มๆ

พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ส่งลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็จริง แต่ก็ส่งผู้สมัครส.ก.ลงครบ 50 เขต โดยตั้งเป้าไว้ที่ 18-20 ที่นั่ง

แต่ปรากฏว่าถึงเวลาจริง พรรคพลังประชารัฐที่มีส.ส.กรุงเทพฯ ถึง 12 คน กลับได้ส.ก.แค่ 2 ที่นั่ง

เรียกได้ว่าล้มเหลวในสนามเลือกตั้งเมืองหลวงโดยสิ้นเชิง

และที่อันตรายกว่านั้นคือ การที่พรรคเพื่อไทยกวาดส.ก.ไปได้ถึง 20 ที่นั่ง พรรคก้าวไกลอีก 14 ที่นั่ง รวมเบ็ดเสร็จ 2 พรรคฝ่ายค้านสอยไป 35 ที่นั่ง หากรวมพรรคไทยสร้างไทยอีก 2 ก็จะเป็น 37 จากทั้งหมด 50 ที่นั่ง

แปรเป็นสัญญาณการเมืองได้ว่า กระแสนายกฯ ประยุทธ์ไม่ขลังเหมือนก่อน พรรคพลังประชารัฐแชมป์ส.ส.กรุงเทพฯ ในการเลือกตั้งปี 2562 กำลังเข้าสู่ช่วงขาลงเต็มรูปแบบ และไม่ใช่ลงธรรมดาแต่ลงลิฟต์

ทางรอดคือรีบยกเครื่องใหม่โดยด่วนเพื่อหยุดกระแสขาลงนี้ให้ได้ แต่ก่อนอื่นจะต้องยอมรับความจริงให้ได้เสียก่อนว่าสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ ครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐเสียท่าให้พรรคฝ่ายค้านอย่างหมดรูป

ไม่ใช่ตอนชนะเลือกตั้งซ่อมส.ส. หลายสนามติดต่อกันก่อนหน้า ก็คุยโม้เหมารวมว่าเป็นเพราะกระแสลุงตู่ยัง แรงดีไม่มีตก กระแสพรรคพลังประชารัฐก็มีแต่ขาขึ้นต่อเนื่อง

พอมาพ่ายแพ้หมดรูปคาสนามผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.กลับบอกไม่เกี่ยวกับกระแสนายกฯ ไม่เกี่ยวกับเรตติ้งรัฐบาล เพราะเป็นแค่เลือกตั้งระดับท้องถิ่นจังหวัดเดียว ถ้าคิดแบบนี้แล้วสบายใจก็คิดไป แต่คงไม่มีทางกอบกู้อะไรได้

อย่างมากก็ถูลู่ถูกังอยู่ไปจนครบวาระ รอเวลาไปตายดาบหน้าในการเลือกตั้งใหม่ต้นปีหน้า

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน