เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณียื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่ควรทำ และเป็นการใช้สิทธิที่ฝ่ายค้านทุกสมัยทำมา จากการเห็นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวจริง และได้ดูเอกสารอย่างละเอียด เนื่องจากตนเป็นนักตรวจสอบ จึงได้ตรวจสอบหน้าต่อหน้า ปรากฏว่าเนื้อหาในญัตติมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง

โดยเนื้อหาของทั้งสองฉบับมีความแตกต่างกัน แต่เหมือนกันที่รายชื่อที่ลงชื่อเพื่อยื่นญัตติ การแก้ไขญัตติของฝ่ายค้านครั้งนี้ ทำให้ตนนึกถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 15-18/2556 โดยให้หลักการไว้ว่าการแก้ไขญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะให้ส.ว.ลงเลือกตั้งต้องไปทำและเซ็นกันใหม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตีตก เนื่องจากทำไม่ชอบตามมาตรา 291 วรรค 1 (1) อยู่ในคำวินิจฉัยถือว่ากรณีนี้คล้ายกัน ส่วนสิ่งที่ฝ่ายค้านออกมาอธิบายว่าสามารถทำได้ จะแก้หรือเปลี่ยนตรงไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ปรากฏว่ามี 2 ญัตติและไม่แถลงมาก่อนหน้านี้

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลพยายามเดินเกมนี้เพื่อให้ญัตติถูกเลื่อนออกไป จนหมดสมัยประชุมสภา จนทำให้ญัตติตกไป นายเรืองไกรกล่าวว่า ไม่เกี่ยว ปีที่แล้วตนจำได้ว่ามีการลงมติในช่วงเดือนก.ย. โดยขอให้ทั้งสองฝ่าย ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช่ไปกล่าวหาเขา แต่พฤติกรรมของท่านกลับไม่ซื่อสัตย์สุจริตเสียเอง “ขอให้ฝ่ายค้านกลับไปเขียนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ มายื่นต่อนายชวนใหม่ ไฟล์เดิมก็มีอยู่แล้วใช้เวลาเพียง 1-2 วัน กลับไปทำให้ถูกต้องทุกอย่างจะได้ไม่มีปัญหา ผมไม่ได้รับงานมาจากคณะรัฐมนตรี รัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ใครจะมีปัญหาอะไรเรืองไกรไม่เกี่ยว เรืองไกรทำหน้าที่เงียบมาก” นายเรืองไกรกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน