ในยุคที่อาชญากรรมไร้พรมแดน อุปสรรคสำคัญของการติดตามจับกุมคนร้ายคือการที่คนร้ายลงมือก่อเหตุที่ประเทศหนึ่ง แต่ตัวอยู่อีกประเทศหนึ่ง ที่ผ่านมาตำรวจไทยพยายามประสานความ ร่วมมือกับตำรวจในประเทศต่างๆ เพื่อกำจัดอุปสรรคดังกล่าว ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดแถลงความสำเร็จในการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 21 ราย ภายหลังส่งชุดปฏิบัติการ PCT ไปประสานความร่วมมือตำรวจกัมพูชา
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งปราบปราม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนัก และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา แต่อุปสรรคสำคัญคือ ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ตั้งออฟฟิศอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านทำให้การสืบสวน ติดตาม จับกุมตัวมาดำเนินคดีทำได้ไม่สะดวกและล่าช้า แต่จากการประสานความร่วมมือกันของ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกับตำรวจกัมพูชา ทำให้การสืบสวนจับกุมประสบความสำเร็จในที่สุด
สำหรับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้ใช้แบบวิธีการหลอกลวงแบบแก๊งโรแมนซ์สแกมหรือแก๊งแสร้งรักออนไลน์ โดยใช้รูปบุคคลหน้าตาดี แช็ตกับเหยื่อผ่านแอพพลิเคชั่น Tinder ซึ่งเป็นแอพฯ หาคู่ หรือแอพฯ LINE จากนั้นจะหลอกพูดคุยจนเหยื่อเชื่อใจ หรือเริ่มหลงรัก คนร้ายก็จะชวนให้ร่วมลงทุนใน MetaTrader 5 (ฟอเร็กซ์) หรือซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยจะให้ทำการเทรด การวิเคราะห์ทางเทคนิค ตามคำแนะนำ และชักชวนให้ลงทุนกับโบรกเกอร์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกให้ลงเงิน แต่ไม่มีการลงทุนจริง แล้วเอาทรัพย์สินนั้นไป
คดีนี้ตนสั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 ชุดปฏิบัติการที่ 5 พ.ต.อ. วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.ภ.2 และ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.สืบสวน ภ.จว.ระยอง และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8 ชุดปฏิบัติการที่ 1 PCT, พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.สตม. พร้อมกำลังตำรวจ PCT รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาล และเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อประสานขอความร่วมมือในการเข้าปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ธีรเดช พร้อมกำลังตำรวจ PCT ได้สนธิกำลังกับ พล.ต.ท. วัน วีระ (VANNVIRAK SAM) ผู้ช่วย ผบ.ตร.กัมพูชา, พล.ต.จัตวา บุต พิน (BUT Pinh) หัวหน้าชุดข่าวกรองฯ หรืออัยการจังหวัดพนมเปญ พร้อมกำลังตำรวจภูธรจังหวัดพระสีหนุ เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทลายออฟฟิศแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 แห่ง ในจังหวัดพระสีหนุ
จุดที่ 1 โรงแรมจิงเฉิง ถ.สองธนู จุดที่ 2 กาสิโนโป๋ไหล ถนน ปุโลไว 300 ผลการตรวจค้น พบผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ทั้งหมด 21 คน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจร มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงิน” จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาจึงได้ควบคุมตัวไปดำเนินการตามกฎหมายของประเทศกัมพูชา และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วจะส่งตัวให้ประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และตนจะเดินทางไปสอบปากคำด้วยตนเองทันทีที่ ผู้ต้องหาเดินทางกลับถึงประเทศไทย ที่ อ.คลองลึก จ.สระแก้ว อีกครั้ง
สำหรับการปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการอย่างเร่งด่วนและจริงจัง เนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศ ทั้งนี้หากพบเบาะแสสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน สอท. 1441 หรือศูนย์ PCT 08-1866-3000 หรือผู้เสียหายสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com
เมื่อตำรวจผสานความร่วมมือกันทั้งในและต่างประเทศ ที่ยืนของบรรดาอาชญากรก็น้อยลงไปทุกที
อดิศร จิตตเสวี
เรื่อง/ภาพ