พาณิชย์เผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. แตะ 7.66% จากราคาพลังงานเพิ่ม 39.97% ขณะที่สินค้า 213 รายการขึ้นราคา ลุ้นแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยสกัด ยันเงินเฟ้อไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศ
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิ.ย.2565 ว่า อยู่ที่ 7.66% ปรับสูงขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 7.10% และเมื่อเทียบกับ พ.ค.2565 อยู่ที่ 0.90% ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 1.40% ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือนแรก อยู่ที่ 5.61%
เงินเฟ้อมิ.ย. ยังปรับสูงขึ้นเพราะราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ปรับเพิ่มขึ้น 6.42% โดยเฉพาะอาหารสด ปรับขึ้น 5.87% เช่น เนื้อหมู ไก่สด ผัก น้ำมันพืช ซีอิ๊ว น้ำพริกแกง กาแฟผง และข้าวราดแกง ขณะที่หมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ปรับขึ้น 8.49% โดยสินค้ากลุ่มพลังงาน ราคาเพิ่มขึ้นมากถึง 39.97% ค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 45.41% และก๊าซหุงต้ม เพิ่มขึ้น 12.63% ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบการปรับราคาสินค้าช่วงเดือนมิ.ย.2565 กับเดือนก่อนหน้า พบว่ามีสินค้าปรับขึ้นราคา 213 รายการ ปรับลด 80 รายการ และไม่เปลี่ยนแปลง 137 รายการ
“เงินเฟ้อ 7.66% ในเดือนมิ.ย. ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง ต่ำกว่าที่หลายสำนักคาดว่าจะขึ้นไปถึง 8% เนื่องจากผู้ประกอบการภาคเอกชนให้ความร่วมมือภาครัฐ ในการตรึงราคาขายปลีกสินค้า คาดว่าตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 เงินเฟ้อจะลดทางเทคนิค เพราะฐานเงินเฟ้อปีก่อนสูง ส่วนทั้งปีประเมินยากมาก เพราะครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวกและลบมากต้องรอดู เช่น ค่าเงินบาท การกระตุ้นเศรษฐกิจ, การส่งออก, ท่องเที่ยว, ภาวะสงครามรัสเซีย การใช้นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และการกลับมาระบาดของโควิดในไทย เบื้องต้นยังคงเป้าหมายทั้งปีไว้ที่ 4-5%”
นายรณรงค์กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ว่า ต้องดูว่าจะช่วยสกัดเงินเฟ้อได้แค่ไหน เนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นขณะนี้เกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีเฟ้อต่ำมาก เดือนพ.ค.2565 อยู่ที่ 7.10% อยู่ในอันดับ 87 จาก 127 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศที่อยู่ในอันดับ 1 มีอัตราเงินเฟ้อสูงถึง 211% รวมทั้งธนาคารโลก ยังคาดการณ์ว่าในปีนี้ไทยจะมีอัตราเงินเฟ้อเพียง 5.2% ซึ่งถือว่าต่ำมาก
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนมิ.ย.2565 อยู่ที่ระดับ 44.3 ปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 44.7 สาเหตุเกิดจากประชาชนกังวลราคาน้ำมันแพงซึ่งเกิดจากมาตรการคว่ำบาตรของประเทศพันธมิตรต่อประเทศรัสเซีย ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก และส่งผ่านมายังเศรษฐกิจไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ที่ 7.66% นั้นถือว่าเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 13 ปีที่ผ่านมา
