สูตรคำนวณหาส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 ทำท่าจะไปไม่รอด ไม่เหมือนอย่างที่ผู้มีอำนาจคิดคาดการณ์
เพราะหลังจากสมาชิกรัฐสภาฝ่าย รัฐบาลและส.ว. โหวตเห็นด้วยกับ ข้อเสนอกรรมาธิการเสียงข้างน้อย แทนที่จะเห็นด้วยกับสูตรหาร 100 ที่กรรมาธิการเสียงข้างมากเสนอ
แค่ไม่ถึงสัปดาห์กระแสก็เริ่มเปลี่ยน พรรคขนาดกลางค่อนข้างเล็ก พรรคขนาดเล็กค่อนข้างจิ๋วเริ่มได้สติ
มองเห็นปัญหาแล้วว่าสูตรหาร 500 ไม่ส่งผลดีกับตัวเองเท่าใดนัก เผลอๆ อาจถึงขั้นสูญพันธุ์เสียด้วยซ้ำ
อย่างพรรคชาติไทยพัฒนา แกนนำออกมาพูดตรงๆ ว่าสูตรหาร 500 ทำให้พรรคตนเองเสียเปรียบ ทั้งยังทำให้พรรคขนาดกลางและเล็กบางพรรคที่ชื่อเสียงยังไม่เป็นที่รับรู้ของประชาชนมากนัก อาจจะไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเลย
หรืออย่างพรรคไทรักธรรม ที่มีส.ส. 1 คน ก็ยอมรับ ไม่ว่าจะสูตรหาร 100 หรือ 500 พรรคเล็กก็แทบไม่มีความหวังจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่แล้ว ผิดกันแต่สูตรหาร 500 จะยิ่งทำให้การเมืองหลังเลือกตั้งวุ่นวายสับสนหนักกว่า
ถึงร่างกฎหมายจะต้องส่งกลับไปให้ กกต.พิจารณาอีกครั้ง ว่าสูตรหาร 500 ทำได้หรือไม่ แต่สุดท้ายจริงๆ ทุกอย่างคงต้องไปตัดสินชี้ขาดในชั้นพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
มีความเป็นไปได้ว่าอาจพลิกสูตรกลับมาอีกตลบ
กระแสรัฐบาลประยุทธ์ ตกต่อเนื่องไม่หยุด ถูกโยงเข้าผลเลือกตั้งซ่อมเขต 4 ลำปาง ที่พรรคเศรษฐกิจไทยพ่ายแพ้ให้กับพรรคฝ่ายค้านเสรีรวมไทย ชนิดยับเยิน
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นำพรรคเศรษฐกิจไทยประกาศตัดขาดจากรัฐบาลทันที เพื่อความชัดเจนในจุดยืนทางการเมือง ถึงเวลาเลือกตั้งใหญ่ ประชาชนจะได้ไม่สับสนว่าอยู่ฝ่ายไหน
กลุ่ม 16 ส.ส.พรรคเล็กเริ่มความเคลื่อนไหว เอาใจออกห่างจากรัฐบาล ด้วยมองว่าผลเลือกตั้งซ่อมลำปาง คือกระจกสะท้อนชั้นดีว่าประชาชน ยึดหลักการ เลือกข้างฝ่ายค้าน ไม่เอาฝ่ายรัฐบาล
ในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้แก้ไขกติกาคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 พรรคเล็กร่วมรัฐบาลก็ยังหืดจับ เพราะถึงอย่างไร ประชาชนก็ไม่เลือกพรรคที่ข้องแวะกับฝ่ายอำนาจปัจจุบันอยู่ดี
แน่นอนว่าทั้งกรณีพรรคเศรษฐกิจไทย และกลุ่ม 16 ส.ส. ย่อมส่งผลสะเทือนไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ของพรรคฝ่ายค้าน ให้น่าระทึกขวัญมากขึ้นหลายเท่าตัว
มันฯ มือเสือ