โหรหลายสำนักออกมาเตือนรัฐบาล ให้ระวังหลังดาวมฤตยูย้ายในวันที่ 7 เดือน 7 ที่ผ่านมา

ในมุมนักโหราศาสตร์ระดับอาจารย์ มองปรากฏการณ์ดังกล่าวเช่นไร

และการโคจรของดาวดวงอื่นๆ ช่วงครึ่งปีหลัง จะมีผลต่อดวงเมืองอย่างไรบ้าง

บุศรินทร์ ปัทมาคม

นักโหราศาสตร์ คอลัมนิสต์ชื่อดัง

ดาวมฤตยูย้ายวันที่ 7 เดือน 7 ที่ผ่านมา ถามว่าจะส่งผลกระทบต่อดวงเมืองอย่างไรนั้น ถ้าต้องพูดกันเรื่องความร้ายแรงไม่ใช่ดาวมฤตยูแต่เป็นดาวราหูที่ทับลัคน์ดวงเมือง เพราะดวงเมืองไม่ถูกกับราหู ในเรือนวินาศแต่เดิม ดาวราหูมีความสำคัญกว่าดาวมฤตยูมาก

และที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งคือดาวพฤหัสฯ ตกอยู่ในเรือนชะตาที่เสีย เพราะฉะนั้นขณะนี้ที่ดวงเมืองตกและเกิดความวุ่นวาย มีทั้งหมด 3 เรื่อง 1.ราหูทับลัคน์ดวงเมือง 2.ดาวพฤหัสฯ โคจรเข้าเรือนวินาศของดวงเมือง คือ ราศีมีน

และ 3.ดาวเสาร์ ที่อยู่ในเรือนการงาน เป็นกาลกิณีจรตกอยู่ในเรือนการงาน ฉะนั้นงานก็จะไม่ก้าวหน้าและ ต่างชาติจะซื้อของจากเราน้อยลง เศรษฐกิจจะตกต่ำ เพิ่มมากขึ้น โดยความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ 30 มี.ค.2565 และจะอยู่ไปจนถึง 17 ส.ค. 2566

ที่เกิดความวุ่นวายขณะนี้เพราะ 1.ราหูทับลัคน์ 2.ดาวพฤหัสฯ ตกอยู่ในเรือนวินาศ ตามสถิติจะมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเสียชีวิต เช่น พระผู้ใหญ่ หรือพระดังๆ จะมรณภาพ หรือคนสำคัญของบ้านเมืองอาจเสียชีวิตได้ สถานการณ์เป็นเช่นนี้จนถึง 19 เม.ย. 2566 ถึงจะค่อยๆดีขึ้น

จากนั้นวันที่ 17 ส.ค. 2566 ดาวราหูย้ายออกจากลัคนาดวงเมืองแล้ว มีความสำคัญมากกว่าดาวมฤตยูย้าย ที่โหรบางคนยึดถือดาวมฤตยูเป็นเรื่องสำคัญ จึงมองว่าดาวมฤตยูย้ายจะทำให้บ้านเมืองตกต่ำหรือดีขึ้นก็ตาม เป็นเพราะนับดาวมฤตยูเป็นดาวใหญ่และชื่อดูน่ากลัว ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา เพราะนานๆ ย้ายครั้ง 7 ปีถึงมีย้าย

ถามว่ารัฐบาลได้รับผลกระทบหรือไม่ รัฐบาลขึ้นอยู่กับดวงเมืองฉะนั้นกระทบกระเทือนอยู่แล้ว แต่เพราะ ราหูทับลัคน์ดวงเมือง ไม่ใช่เพราะดาวมฤตยูย้าย ในทางโหราศาสตร์ถือเป็นดาวที่อยู่ปลายแถว เป็นดาวสุดท้ายที่ค้นพบเมื่อก่อนเรามีดาวเพียง 8 ดวงเท่านั้น ซึ่งดาวเกตุและดาวมฤตยูเพิ่งมาทีหลัง

อย่างไรก็ตาม ปีนี้สถานการณ์ของรัฐบาลที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือตั้งแต่ ก.ย. 2565 เป็นช่วงระหว่าง 18 ก.ย. ถึง 16 ต.ค. 2565 ดาวอาทิตย์ตกไปที่เรือนอริ น่าเป็นห่วงที่สุด ซึ่งกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และทำให้สถานการณ์สุกงอมมากที่สุด เพราะฉะนั้นสิ่งที่วุ่นวายอยู่ในขณะนี้จะส่งผลออกมาในช่วง ก.ย.นี้

ช่วงที่ 2 คือระหว่าง 17 พ.ย. 2565 ถึง 16 ธ.ค. 2565 และ ช่วงที่ 3 ระหว่าง 14 มี.ค. 2566 ถึง 13 เม.ย. 2566

ส่วนช่วงที่ปากท้องของคนในประเทศน่าวิตกที่สุดคือช่วงราหูทับลัคน์ และดาวพฤหัสฯ อยู่ในเรือนวินาศ คือ 19 เม.ย. 2566 หรือวันเกิดดวงเมืองในวันที่ 21 เม.ย. 2566 เป็นระยะเวลา 242 ปี เป็นช่วงที่ตกต่ำที่สุด

สำหรับดวงของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปตกที่สุดในปี 2568 หากดาวเสาร์ไปทับลัคน์ ซึ่งนายกฯมีลัคนาอยู่ในราศีมีนในปี 2568 จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ดวงตกลงมา ขณะนี้ ยังไม่ถึงก็ต้องรอดูกันไป และดวงดาวต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

ภิญโญ พงษ์เจริญ

นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ

ดาวมฤตยูเมื่อย้ายจากราศีเมษมาสู่ราศีพฤษภ 7 ก.ค. ที่เป็นตำแหน่งทางราศี ส่วนตำแหน่งทางเรือนชะตา ย้ายจากภพที่ 1 เข้าสู่ภพที่ 2 โดยจะโคจรไปในราศรีพฤษภ 15 ก.ย.2565 จากนั้นถอยหลังและยกเข้าราศีเมษอีกครั้ง 1 ธ.ค.2565 และถอยหลังไปถึง 17 ม.ค.2566 แล้วเปลี่ยนวิถีโคจรเดินหน้า และยกเข้าสู่ราศีพฤษภอีกครั้ง 8 มี.ค.2566

มีผลทางการพยากรณ์ที่น่าสนใจคือ มฤตยูย้ายเข้าสู่ภพที่ 2 ที่หมายถึงชะตาบ้านเมือง หรือภพกดุมภะ แปลว่าทรัพย์สินเงินทอง การเงินการคลัง เศรษฐทรัพย์ของชาติ ภาษีอากร สรรพากร ศุลกากร ธุรกิจที่เกี่ยวกับการเงิน เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน ตลาดหุ้น การค้าขาย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยผิดความคาดหมาย มีการบัญญัติกฎหมาย ระเบียบใหม่ทางการเงิน

เมื่อมฤตยูเป็นบาปพระเคราะห์จะนำมาซึ่งความขลุกขลัก เกิดการสูญเสียเรื่องการเงินการคลัง และเกิดความยุ่งยากกับรัฐสภาด้วยเพราะมีหน้าที่ออกกฎหมาย ที่มฤตยูย้ายจะถอยหลังกลับมาอีก ทำให้ต้องมีการตรวจสอบทบทวนการเงินการคลัง

มฤตยูโคจร 1 ราศี ใช้เวลา 7 ปี ช่วงที่น่าจะรุนแรงน่าจะช่วงเวลาที่ดาวยกใหม่ๆ ในปี 2565 และ 2566 เป็นปีที่มฤตยูโคจรวิปริต ส่งผลทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง และโยงไปทางการเมือง ดังนั้นนับตั้งแต่บัดนี้ไปน่าเป็นห่วง เพราะมฤตยูย้ายแล้ว

การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ของคนจะได้ผลกระทบ ทำให้เกิดความผันผวนทางการเมืองได้ และนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองช่วงปลายปีนี้

รวมถึงดวงของรัฐบาล เนื่องจากมฤตยูถอยหลังกลับมาราศีเมษ ถอยจากเรือนการเงิน การคลัง กลับเข้ามาสู่ชะตาที่ 1 คือดวงเมือง แปลว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งความเป็นอยู่ ปากท้อง ปัญหาทางเศรษฐกิจ จะส่งผลไปสู่การเมือง

ในทางโหราศาสตร์การโคจรของดวงดาวไม่ได้มีมฤตยูดวงเดียว ยังมีดาวนับสิบๆ ดวง ก.ค.นี้ไปถึงส.ค.จะเกิดสิ่งที่น่าสนใจ คือ ดาวเสาร์จะเพ็ญลงกับดาวอาทิตย์ ไปทับดาวจันทร์ในดวงเมือง เมื่อเสาร์เล็งจันทร์ และพระอาทิตย์เล็งเสาร์ โดยพระเสาร์คือรัฐบาล นายกฯ และรัฐมนตรี พระจันทร์หมายถึงประชาชน รวมถึงพรรคฝ่ายค้าน

ปกติเสาร์โคจร 1 รอบจักรราศีใช้เวลา 30 ปี เมื่ออยู่ตรงราศีมังกร จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ให้จับตา ก.ค.และส.ค. จุดที่เสาร์เพ็ญจริงๆ จะอยู่ประมาณ 9 ส.ค.2565 น่าจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นตามปฏิทินทางโหราศาสตร์ แต่ปฏิทินทางการเมืองไม่รู้

ดาวเสาร์ที่อยู่ตรงราศีมังกร ในอดีตย้อนไป 30 ปีครั้ง ปี 2535 เกิดพฤษภาทมิฬ ปี 2505 เสียเขาพระวิหาร และต่อสู้กันเองช่วงชิงอำนาจรัฐ คนเข้าป่าจับอาวุธ ปี 2475 เกิดปฏิวัติสยาม กบฏบวรเดช ดังนั้น ครึ่งปีหลัง 2565 ต้องระวัง ถ้าใช้โหราศาสตร์ทักเคยเกิดซ้ำ

รัฐบาลจะบริหารผ่านไปถึงธ.ค.ประชุมเอเปกหรือไม่ ต้องบอกว่าล่อแหลม ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ต้องไปเจอช่วง ต.ค.ซึ่งน่าจะรุนแรงในรอบปีและของรัฐบาลด้วย เพราะต.ค. พระอาทิตย์จรเข้ามาเป็นราศีตุล เล็งกับราหู ทำมุมฉากกับ ดาวเสาร์มุมทีสแควร์และกากบาท

ส่วนดวงผู้นำรัฐบาลหันไปทางไหนมืด 4 ด้าน นายกฯ มีลัคนาอยู่ราศีมังกร พระเสาร์ทับดาวชะตา และช่วงต.ค.ต่อพ.ย.นี้จะมีอุปราคา 2 ครั้ง คือ 25 ต.ค. เป็นสุริยุปราคาวงแหวน เวลา 17.59 น. อีกครั้งเป็นจันทรุปราคาเต็มดวง 8 พ.ย. เวลา 17.16 น.

อุปราคาทั้งสองจะไปสัมพันธ์ดวงเมือง มักเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ น่าจะโยงถึงภัยพิบัติด้วย โดยราหูจะมีวัฏ 18 ปี ลบไป 18 ปี คือ 2547 ที่เกิดสึนามิ มีการสูญเสียจากภัยธรรมชาติที่รุนแรง สูญเสียผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

ช่วงปลายปีจะเจอทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ โยงถึงการเมือง ส่วนจะถึงขั้นเปลี่ยนรัฐบาลหรือตัวบุคคลหรือไม่นั้น ตามสถิติเป็นอย่างนั้น ฉะนั้นปลายปีนี้ดาวเสาร์ยังเล็งดวงเมือง ไปจนถึง 1 มี.ค.2566 น่าจะส่งผลกระทบที่รุนแรง

ทางพยากรณ์อาจกำหนดวันที่ชัดเจนลำบาก แต่ช่วงเสาร์เพ็ญพักร 9 ส.ค.นี้ แปลว่าถอยหลังและโคจรใกล้โลกที่สุด เล็งดาวจันทร์ เหตุการณ์อาจเกิดก่อนหลังได้ อีกช่วงคือ 25 ต.ค. และ 8 พ.ย.นี้ ต้องจับตา หากไม่มีทางออก ยุบสภา หรือ ยึดอำนาจ ไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร

วสุวัส คำหอมกุล

โหราศาสตร์ชื่อดัง

หลังดาวมฤตยูย้ายการเปลี่ยนแปลงหลักๆ จะเป็นเรื่องการเงิน เพราะมฤตยูย้ายเข้าไปมุมการเงิน ช่วงนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงเรื่องภาษี นโยบายดอกเบี้ย รวมถึงเรื่องการเงินต่างๆ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่บังเอิญ ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่วางแผนไว้ หรือเปลี่ยนแปลงฉับพลัน อาจต้องเปลี่ยนนโยบายด้านการเงิน นี่คือผลของมฤตยูที่เห็นแบบชัดเจน

ส่วนที่สองคือเรื่องกฎหมาย เป็นการเปลี่ยนในลักษณะที่มีการวางแผนมาแล้ว แต่เปลี่ยนแล้วไม่สำเร็จก็ต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม เนื่องจากดาวมฤตยูไม่ได้ย้ายมาสุด ย้ายมาแค่ชั่วคราว แล้วก็ย้ายกลับไปที่ราศีเมษ ซึ่งเป็นดวงเมือง ช่วงปลายปีประมาณ 1 ธ.ค.2565 ก็จะกลับไปอีก

แสดงว่าช่วงนี้ถ้ามีกฎหมายที่ผ่านมาแล้วกำลังจะเริ่มใช้ แต่พอมฤตยูย้ายจะเห็นปัญหาโผล่ขึ้นหลายอย่าง สุดท้ายต้องยกเลิกแล้วแก้ไขใหม่ ซึ่งต้องรอหลัง 1 ธ.ค.2565 กฎหมายที่เคยเปลี่ยนแปลงแก้ไขก่อนมฤตยูย้ายถึงจะสมบูรณ์ กว่าจะเสร็จก็ช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงที่ดาวย้ายเข้าทับดวงเมือง ก็จะส่งผลให้อาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

นอกจากจะส่งผลเรื่องของกฎหมายแล้ว ยังอาจส่งผลไปถึงเรื่องการอภิปราย รัฐบาลจะอยู่ต่อหรือไม่ ซึ่ง แนวโน้มคิดว่าไม่น่าจะได้อยู่ต่อ เพราะดูจากดวงเมือง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเยอะ

หากเทียบช่วงครึ่งปีแรกจะเห็นว่าคนทำมาหากินลำบากเพราะราหูล้วงทรัพย์ ตอนนี้ราหูย้ายออกแล้ว ไม่ล้วงทรัพย์ คนทำมาหากินง่ายขึ้น แต่กลายเป็นว่ามีเงินแต่ก็ใช้จ่ายลำบากมากขึ้น เพราะของแพงขึ้น บวกกับรัฐบาลไม่ค่อยมีความแน่นอน อาจเกิดปัญหาตรงนี้ได้

ช่วงปลายปีอาจเกิดปัญหาด้านต่างประเทศ ความขัดแย้งต่างๆ และภัยธรรมชาติจะส่งผลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ตามมา ดังนั้น ช่วงปลายปีคนทำมาหากินได้เงินเยอะกว่าช่วงครึ่งปีแรก แต่สภาวะแวดล้อมทำให้ยังลำบาก เหมือนเดิม

สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือเกิดความเปลี่ยนแปลง เพราะดวงเมืองถูกบีบให้ต้องเปลี่ยนมาตั้งแต่ เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว เพียงแต่รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรที่เกิดความเปลี่ยน

ทั้งนี้ ดาวมฤตยูย้ายจะส่งผลต่อศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้นในส่วนของฝ่ายรัฐบาลมากกว่า อาจมีการเปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนข้าง เพราะดาวมฤตยูเป็นดาวแห่งความเปลี่ยนแปลง ตอนแรกอะไรที่ไม่กล้าแต่พอดาวมฤตยูย้ายก็ใจกล้าจะเปลี่ยนขั้ว ต้องรอดูการเมืองช่วงนี้จะเกิดการเปลี่ยนขั้วค่อนข้างมาก

ที่ผ่านมา เหมือนรัฐบาลซื้อเวลามากกว่า คิดแค่ว่าจะไปให้สุดตามที่ต้องการแต่ไม่ได้คิดจะแก้สถานการณ์ ให้ดีขึ้นอย่างไร มีแนวโน้มรัฐบาลนี้จะอยู่ถึงช่วง พ.ย. แต่จะเป็นลักษณะรัฐบาลรักษาการ คือไม่ได้อยู่ในสถานะปกติ

ดังนั้น ช่วงหลัง 1 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป จะเป็นช่วงที่สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด แม้วิกฤตจะเกิดมาตั้งแต่ช่วง 1 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งตามหลักดวงนายกฯ ไปต่อไม่ได้มาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาแล้ว

ส่วนเศรษฐกิจของประเทศจะย่ำแย่เหมือนศรีลังกาหรือไม่ต้องดูช่วงเม.ย. 2566 ว่าจะได้ผู้บริหารชุดใหม่หรือไม่ ถ้าได้รัฐบาลดีก็จะฟื้นได้ แต่ถ้าได้รัฐบาลไม่ดีก็จะตกต่ำไปอีก 12 ปี ซึ่งตอนนั้นอาจเป็นแบบศรีลังกา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน