ร้อนระอุขึ้นมาเป็นลำดับ สำหรับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ทั้งจากเรื่องวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สงสัยกันทั้งประเทศว่าเข้าข่ายมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญที่ห้ามดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี

ซึ่งกำหนดไว้ชัดเจนว่าไม่ว่าจะเป็นนายกฯ แบบต่อเนื่อง หรือเป็นแบบไม่ติดต่อกัน ก็ให้นับรวมระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี

กับอีกประเด็นก็คือการที่อายุของสภาชุดนี้เหลืออีกเพียง 9 เดือน ซึ่งเท่ากับว่าพรรคการเมืองทั้งหลายก็ต้องเดินหน้าเข้าสู่ความพร้อมของการเลือกตั้งทั่วไป

สำหรับเรื่องแรก จริงๆ ก็ไม่น่ายาก เพราะใครๆ ก็รู้กันว่าพล.อ.ประยุทธ์ ที่รัฐประหารรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 22 พ.ค.2557 ได้เข้าสู่ตำแหน่ง นายกฯ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2557

นับยังไงก็ครบ 8 ปีในอีกไม่กี่วันแน่แล้ว!!

แน่นอนว่าอาจจะพยายามตีความทางกฎหมาย และจากวัตรปฏิบัติของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา

ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะตีความไม่เหมือนคนทั่วไปเห็น ส่วนจะมีผลอย่างไรก็คงต้องรอดู

แต่ในส่วนความคิดความรู้สึกของประชาชนก็เป็นอีกเรื่อง เมื่อนิด้าโพลระบุว่า ประชาชนร้อยละ 64.25 คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรเป็นนายกฯ เกิน 24 ส.ค.

และควรประกาศความชัดเจนด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอกลไกตีความกฎหมายใดๆ

ส่วนอีกเรื่องที่เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง ที่น่าสนใจก็คือพรรคภูมิใจไทย ซึ่งดูจะมาแรงกว่าใครเพื่อน

ดูจากส.ส.ที่ประกาศขอร่วมพรรค อย่างล่าสุดก็นายประทวน สุทธิอำนวยเดช ส.ส.ลพบุรี จากพปชร. ก็พร้อมย้ายซบใส่เสื้อภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า

มั่นใจถึงขั้นประกาศพร้อมเป็น นายกฯ แจกเก้าอี้รัฐมนตรีกลางเวทีปราศรัย ว่าหากลพบุรียกจังหวัดได้เก้าอี้รัฐมนตรีแน่

ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งแจกเก้าอี้รัฐมนตรี 2 ตำแหน่งให้ส.ส.ศรีสะเกษหากได้ยกจังหวัด

แจกกันง่ายดาย ทั้งเก้าอี้นายกฯ เก้าอี้รัฐมนตรี คนรับแจกก็คงได้ประโยชน์ แต่ประชาชนได้อะไร ก็ยังเป็นคำถาม

แต่ในเมื่อนายอนุทินมั่นใจในการเลือกตั้งขนาดนี้ ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาให้พล.อ.ประยุทธ์ได้

นั่นก็คือหากพล.อ.ประยุทธ์ เป็น นายกฯ ไม่ได้อีก ก็อาจจะขอเก้าอี้รัฐมนตรีหรือเก้าอี้รองนายกฯ จากนายอนุทินแทน

แค่นี้ก็ยังอยู่ในอำนาจได้ แถมไม่ผิดรัฐธรรมนูญด้วย!!

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน