ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ว่า ยืนยันจะเริ่มเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 ภายในกลางเดือนก.ย.นี้ในอัตรา 14-44 บาท รวมถึงส่วนต่อขยายเส้นทางอื่นในอัตราเดียวกัน ซึ่งเป็นอัตราที่เหมาะสม ประกอบกับ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ได้เสนอสูตรคำนวณในการจัดเก็บค่าโดยสารเนื่องจากเป็นมาตรฐานสากล ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมและยุติธรรม แม้จะถูกด่า ก็ยอมรับ เพราะกทม. มีภาระจ่ายค่าจ้างเดินรถปีละ 6,000 ล้านบาท อยู่แล้ว ดังนั้นจึงต้องพยายามเก็บค่าโดยสารให้ได้มากที่สุด
ขั้นตอนจากนี้ กทม.เตรียมออกประกาศเรื่อง การกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตลอดสายอัตราสูงสุดไม่เกิน 59 บาท ดังนี้ ค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 1 สายสีลม ช่วงสถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ และสถานีวงเวียนใหญ่-บางหว้า สายสุขุมวิท สถานีอ่อนนุช-แบริ่ง 14-44 บาท จากที่จัดเก็บ 15 บาทตลอดสาย ส่วนต่อขยายที่ 2 แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 14-44 บาท จากที่ยังไม่ได้จัดเก็บ และเส้นทางหลักสัมปทาน สายสุขุมวิท หมอชิต-อ่อนนุช สายสีลม สนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน16-44 บาท
นายชัชชาติกล่าวภายหลังประชุมร่วมกับเครือข่ายเยาวชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย (We Watch) เพื่อรับฟังข้อเสนอนโยบายที่เกี่ยวกับคนพิการในเขต กทม.ว่า เครือข่ายกลุ่มคนพิการได้โหวตว่าอยากให้กทม.ทำ 4 เรื่อง ดังนี้
1.อยากให้ยกเว้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสสำหรับ ผู้ติดตามผู้พิการ ซึ่งต้องดูความเป็นไปได้อีกครั้งว่า จะทำได้อย่างไร 2.สร้างเครือข่ายผู้ปกครองสำหรับคนพิการ ซึ่งเห็นด้วย ดังนั้น กทม.จะเป็นตัวกลางในการพัฒนาเครือข่ายเหล่านี้ รวมถึงดูแลการจ้างงาน ที่ผ่านมา กทม.จ้างงานคนพิการแล้ว 150 อัตรา และตั้งเป้าจะจ้างเพิ่มให้ครบ 300 อัตรา ซึ่งตามอุดมคติต้องจ้างอย่างน้อย 600 คน 3.จัดพื้นที่ให้คนพิการมาขายของ เช่น ตลาดนัด รวมถึงการทำแพลตฟอร์มต่างๆ และ 4. จัดอบรมวิชาชีพ การตลาด เพื่อให้อยู่ได้ในระยะยาว