สมาร์ตโฟนรุ่นประหยัด ล่าสุดจากค่าย OnePlus ประเทศจีน Nord N300 มุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วไปที่กำลังมองหาโทรศัพท์สักเครื่องไว้ใช้งานพื้นฐานแบบไม่ต้องกระเป๋าฉีกในยุคข้าวยากหมากแพง

ความโดดเด่นของ Nord N300 อยู่ที่การมุ่งเน้นฟีเจอร์เฉพาะจำเป็นเพื่อประสบการณ์การใช้ที่ลื่นไหล อาทิ ประสิทธิภาพดี แบตเตอรี่อยู่ได้นาน การชาร์จค่อนข้างรวดเร็ว และความยืดหยุ่นการใช้งาน เช่น ช่องหูฟังแบบมินิสเตอริโอ และการรองรับการ์ดเก็บข้อมูลเสริม microSDXC

เว็บไซต์แอนดรอยด์อูธอริตี ระบุ Nord N300 เป็นมือถือชั้นประหยัดภาคต่อจาก Nord N200 ที่เน้นความเรียบง่ายไม่เรื่องมาก สะท้อนจากสีที่มีเพียงสีเดียว ตัวเลือกหน่วยความจำแรม (RAM) และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน (ROM) แบบเดียว

วัสดุทำจากพลาสติกทั้งขอบและฝาหลัง รูปลักษณ์เรียบง่ายไม่เน้นหวือหวา จอภาพ IPS LCD ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1,612 พิกเซล (HD+) ความหนาแน่นพิกเซล 269 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (PPI) อัตราส่วนภาพ 20:9 รองรับความถี่สูงสุด 90 เฮิร์ตซ์ (Hz) สัดส่วนจอภาพกินพื้นที่ร้อยละ 84 ของตัวเครื่อง ปิดทับด้วยกระจกนิรภัย Panda Glass พร้อมหลุมกล้องเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (MP) ที่ขอบด้านบน

ขอบด้านขวา (หันจอเข้าหาผู้ใช้) มีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือรวมกับปุ่ม เพาเวอร์ ขอบซ้ายเป็นที่อยู่ของปุ่มปรับระดับเสียงและช่องใส่ SIM card สันด้านล่างมีช่อง USB-C และลำโพงแบบสเตอริโอ ฝาหลังมีลวดลายแบบหินทราย โมดูลกล้องมันวาว ยกตัวนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องบรรจุกล้องหลักความละเอียด 48 MP และเซ็นเซอร์ภาพทางลึกความละเอียด 2 MP

แม้จะเป็นมือถือชั้นประหยัด แต่ประสิทธิภาพ Nord N300 รองรับการใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหล ด้วยขุมพลังจากชิพ Dimensity 810 ค่าย MediaTek จากไต้หวัน สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร (nm)








Advertisement

ภายในประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียู แบบ 8 คอร์ (Octa-core) หน่วยประมวลผลกราฟิก หรือจีพียู รุ่น Mali-G57 รองรับสัญญาณ 5G บลูทูธ 5.3 และ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac แต่ไม่รองรับ Wi-Fi 6 และ 6e

ซีพียู Dimensity 810 ที่มี 8 คอร์ แบ่งเป็น 2 คลัสเตอร์ ได้แก่ Cortex-A76 จำนวน 2 คอร์ มีความถี่สัญญาณนาฬิกา 2.4 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) ไว้รองรับงานที่ต้องการกำลังการประมวลผลสูง ต่อมาเป็น Cortex-A55 จำนวน 6 คอร์ ความถี่ 2.0 GHz ไว้รองรับงานประมวลผลทั่วไป ทำให้เครื่องมีประสิทธิ ภาพประหยัดไฟเป็นเลิศ

หน่วยความจำ RAM 4 กิกะไบต์ (GB) พื้นที่เก็บข้อมูล ROM ความจุ 64 GB อัตราการส่งข้อมูล (แบนด์วิธ) สูงสุด 1,200 เมกะไบต์ต่อวินาที (MB/s) หรือมาตรฐาน Universal Flash Storage – UFS 2.2

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่เบิ้มถึง 5,000 มิลลิแอมป์ต่อชั่วโมง (mAh) แม้จะขนาดเท่าเดิมกับรุ่นที่ผ่านมา แต่ OnePlus อัพเกรดมาให้รองรับกำลังไฟชาร์จได้สูงสุดเป็น 33 วัตต์ (W) จาก 18 W ในรุ่น Nord N200

ระบบปฏิบัติการสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ เป็น Android 12 จากกูเกิ้ล ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่ Nord N300 รองรับการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยได้ยาวนาน 2 ปี และมีกำหนดได้อัพเดตโอเอสใหม่เป็น Android 13 ด้วย

ส่วนของแถมภายในกล่องนอกเหนือจากตัวเครื่อง ได้แก่ สายเคเบิล USB-A to USB-C หมุดเจาะถาดซิม และ USB-A charger จึงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องไปวิ่งหาซื้อชาร์จเจอร์มาเอง

นายไรอัน เฮนส์ จากแอนดรอยด์อูธอริตี กล่าวถึงข้อดีของ OnePlus Nord N300 ว่า ไฮไลต์อยู่ที่ระยะเวลาใช้งานที่ยาวนานของมือถือ 5G รุ่นนี้ เนื่องมาจากชิพระดับกลางอย่าง Dimensity 810 และแบตฯ ขนาดใหญ่

การทดสอบใช้งานทั่วไปบนสัญญาณ 5G สามารถใช้งานได้ตลอดวันอย่างไม่ต้องกังวลว่าแบตฯ จะหมด อาทิ การใช้งานโซเชี่ยล อ่านอีเมล์ หาข้อมูลต่างๆ ไปจนถึงการเล่นเกมเบาๆ แต่แน่นอนว่าเกม AAA อย่าง Genshin Impact จากค่าย HoYoverse (miHoYo ประเทศจีน) ต้องปรับกราฟิกลงต่ำสุดเพื่อให้สามารถเล่นได้ไม่เสียอารมณ์

ระยะเวลาใช้งานที่นายเฮนส์พบนั้นอยู่ที่ราว 1 วันครึ่งไปจนถึง 2 วัน เป็นการสลับไปมาระหว่าง Standard กับ High Performance Mode ส่วนระยะเวลาการชาร์จด้วยชาร์จเจอร์ขนาด 33 W ที่แถมมาให้นั้นอยู่ที่ 80 นาที ถือว่าอยู่ระดับกลางๆ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปเที่ยวหาซื้อชาร์จเจอร์

ลำโพงสเตอริโอให้คุณภาพเสียงในเกณฑ์ดี ลำโพง 2 ตำแหน่งอยู่ที่สันด้านล่างและขอบด้านบน ถือเป็นที่น่าพอใจแล้วสำหรับโทรศัพท์ช่วงราคานี้

แม้รูปลักษณ์ภายนอกของ Nord N300 อาจจะดูปกติธรรมดา แต่ชดเชยด้วยจอภาพใหญ่ถึง 6.56 นิ้ว รองรับความถี่ได้สูงสุด 90 Hz เป็นจอภาพที่ให้ภาพได้ลื่นไหลกว่ามือถือจอ 90 Hz หลายค่ายในราคาช่วงนี้ไปจนถึงหมื่นต้นๆ บางยี่ห้อ ระบบสั่นสะเทือนเวลาแตะปุ่มต่างๆ (Haptic feedback) ทำได้ดีขึ้นกว่า Nord N200

อีกหนึ่งฟีเจอร์ต้องกล่าวถึงคือ ช่องหูฟังมินิสเตอริโอ ซึ่งทาง OnePlus ยังไม่นำออกไป ถือเป็นฟีเจอร์ที่ใกล้ สูญพันธุ์แล้วจากวงการสมาร์ตโฟนทุกวันนี้ บรรดานักฟังเพลงหูทองทั้งหลายน่าจะยังปลื้มได้อยู่

มาดูข้อติติงกันบ้าง แม้ OnePlus Nord N300 จะทำหลายเรื่องได้ถูกฝาถูกตัว อาทิ ประสิทธิภาพ ระยะเวลาใช้งาน และราคาเข้าถึงได้ง่าย

ทว่าสิ่งที่ต้องแลกมาก็มาก ประการแรก คุณภาพการประกอบ และวัสดุภายนอกที่เป็นพลาสติก จึงให้ความรู้สึก “ป๋องแป๋ง” รูปลักษณ์ที่แลดูปกติธรรมดา มองแล้วไม่ตื่นตาต้องใจน่าคบหาเท่าใดนัก

นอกจากนี้ยังมีเพียงสีเดียว คือ Midnight Jade (หยกราตรี) ขณะที่กระจก Gorilla Glass 3 ในรุ่นที่แล้วถูกเปลี่ยนเป็น Panda Glass และจอภาพมีความสว่างไม่มากพอจะสู้กับการใช้งานนอกอาคารในสภาวะแสงแดดเจิดจ้า หนำซ้ำยังลดความละเอียดจาก Full HD+ ลงมาเป็น HD+ ถือว่าน่าเสียดาย

เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่รวมอยู่กับปุ่มเพาเวอร์ความไวสูงมาก แม้มีความแม่นยำในระดับ ปานกลาง แต่หากเผลอกำเครื่องแล้วนิ้วไปโดนก็อาจปลดล็อกเครื่องโดยไม่ได้เจตนา

ปัญหาหลักมาจากปุ่มเพาเวอร์ที่อยู่ต่ำเกินไป ทำให้ผู้ที่ชอบกำมือถือด้วยมือซ้ายเสี่ยงที่นิ้วกลางจะไปถูกเซ็นเซอร์ ขณะที่เวลาต้องการปลดล็อกเครื่องเซ็นเซอร์ก็ยังอ่านนิ้วได้ไม่ถูกในครั้งแรกบ่อยๆ เป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจนัก

กล้องถ่ายภาพของ OnePlus Nord N300 จากการทดสอบพบว่า กล้องหลักความละเอียด 48 MP ให้คุณภาพของภาพออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังพบความไม่สม่ำเสมอ มีความโดดเด่นเรื่องรายละเอียดของภาพที่ 1x และซูม 2x ซึ่งเป็นระบบซูมเทียม หรือดิจิตอล ซูม

แสงเงาอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ ทว่าสีที่ได้ออกมาค่อนข้างซีดกว่าความเป็นจริงเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่สีจากพวกดอกไม้ พืชพรรณต่างๆ กลับเอิบอิ่มกว่าความเป็นจริง ทำให้ภาพออกมาแลดูไม่สมดุล

น่าประทับใจที่สุดของกล้องในสมาร์ตโฟนรุ่นนี้เป็น Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืน ช่วยให้ภาพมีความสว่างชัดขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ขณะที่กล้องเซลฟี่ความละเอียด 16 MP คุณภาพอยู่ระดับกลางๆ ไม่โดดเด่น

สรุปแล้ว OnePlus Nord N300 มีข้อเสียตรงรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่เตะตา วัสดุพลาสติกทำให้รู้สึกป๋องแป๋ง จอภาพที่สว่างไม่เพียงพอต่อแสงแดดจ้า เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่งงๆ กล้องถ่ายภาพให้สีสันไม่ค่อยปกติ และการรองรับอนาคตเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่สั้น เกินควร

ทว่าทั้งหมดชดเชยด้วยระยะเวลาใช้งานที่ยาวนานจุใจ จอภาพรองรับความถี่ 90 Hz คุณภาพสูง ประสิทธิภาพรองรับการใช้งานครอบคลุม ลำโพงเสียงดี และระยะเวลาการชาร์จน่าชื่นชม พร้อมราคาเข้าถึงได้

ส่งผลให้ Nord N300 เป็นหนึ่งในตัวเลือกสมาร์ตโฟน 5G ราคาประหยัดที่ไม่ควรมองข้าม สนนราคาที่ 228 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8,200 บาท

ทีมข่าวสดไอที
ภาพ Andriod Authority

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน