ไม่ใช่เรื่องที่จะยุติลงง่ายๆ อย่างแน่นอน สำหรับการสลายการชุมนุมของม็อบราษฎรหยุดเอเปค 2022
เมื่อเลือกใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง
ยิงในระยะประชิด และยังใช้กำลังอย่างรุนแรง
มาทรงเหมือนอาฆาตแค้น มองประชาชนเป็นอริราชศัตรู
จนมีผู้บาดเจ็บหลายราย ทั้งประชาชน และสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่
ที่รุนแรงที่สุด คงหนีไม่พ้น นายพายุ บุญโสภณ ที่ถูกกระสุนยางยิงใส่ในระยะประชิด ลูกตาทั้งลูกแตกละเอียด วุ้นตา จอตา เลนส์ตาเสียหายทั้งหมด
กล้ามเนื้อหนังตาขาด กระดูกจมูกแตก มีโอกาสกลับมาใช้งานปกติได้ต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์
นั่นก็คือโอกาสที่จะตาบอดมีสูงมากนั่นเอง!!
กลายเป็นคำถามว่าผู้ชุมนุมทำความผิดอะไร ถึงต้องถูกเจ้าหน้าที่รัฐกระทำเช่นนี้
การไม่เชื่อฟังคำสั่งเจ้าหน้าที่ มีโทษถึงขั้นพิการ มีโทษถึงขั้นตาบอดได้เลยใช่หรือไม่
มีใบอนุญาตจากใคร และต่อจากนี้หากประชาชนไม่เชื่อฟังอีก จะยกระดับความรุนแรงขึ้นหรือไม่
เรื่องนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องสืบสวนทวนความ หาคนผิดมาลงโทษ รวมทั้งทบทวนการใช้มาตรการความรุนแรงต่างๆ
เพราะไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่มีความสูญเสีย แต่ก็ไม่เคยเรียนรู้อะไร ยังคงใช้แนวทางเดิมๆ อยู่
แถมผู้นำระดับนายกฯ อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ ไม่มีแม้แต่การแสดงความเสียใจที่เกิดความสูญเสียของประชาชนเช่นนี้
สะท้อนให้เห็นว่าแนวคิดของพล.อ.ประยุทธ์ แม้จะพูดถึงเรื่องการรับฟังความเห็นต่าง แต่แท้ที่จริงแล้วไม่มีเลยสักนิดที่จะเปิดพื้นที่การแสดงออกให้กับประชาชน
8 ปีที่ผ่านมาเป็นเช่นนี้ และจะยังเป็นอยู่ต่อไป
เท่ากับว่าหากในการเลือกตั้ง ครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็น นายกฯ แนวปฏิบัติเช่นนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
การทำร้าย การคุกคามประชาชนยังคงเกิดขึ้นได้อยู่
จึงอยู่ที่เสียงของประชาชนที่ต้องตัดสินใจการเลือกตั้งว่าต้องการให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรือไม่
หรืออยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลง!!!
รุก กลางกระดาน