วงจรความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเจ้าหน้าที่และคนงานรถไฟถูกระเบิดเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บอีกหลายราย ที่อ.สะเดา จ.สงขลา

เป็นเหตุสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. คนร้ายลอบวางระเบิดถล่มขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า เส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ตู้สินค้าและรางรถไฟเสียหายหนัก

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่มุ่งไปที่กลุ่มก่อความไม่สงบ ต้องการทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ จนกระทั่งเกิดระเบิดซ้ำลูกสอง ขณะเจ้าหน้าที่เดินสำรวจเพื่อเตรียมซ่อมแซมรางรถไฟที่เสียหายจากระเบิดลูกแรก

ขณะนี้ยังไม่ชัดเป็นระเบิดจากการก่อเหตุครั้งแรกแล้วเก็บกู้ไม่หมด หรือก่อเหตุใหม่ แต่ทั้งหมดตอกย้ำถึงการแก้ปัญหาไฟใต้ที่ยังไม่ดีขึ้น

คล้อยหลังไปเมื่อวันที่ 22 พ.ย. คนร้ายแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่นำรถกระบะติดตั้งวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง เข้าไปก่อเหตุคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจใจกลางเมืองนราธิวาส ตำรวจบาดเจ็บและเสียชีวิต

ทำลายขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ รวมถึงสร้างความหวาดผวาให้แก่ประชาชน เนื่องจากการก่อเหตุรุนแรงด้วยระเบิดขนาดใหญ่ โดยเฉพาะคาร์บอมบ์ได้ห่างหายจากพื้นที่ไปนาน

นักวิชาการและภาคประชาสังคมตั้งคำถาม และข้อสังเกตไปยังรัฐบาล เพราะการปราบปรามจับกุมที่เข้มข้นดุดันเกินไป รวมทั้งการเจรจาพูดคุยกับฝ่ายผู้เห็นต่างไม่มีความคืบหน้าหรือไม่ จึงนำมาสู่การก่อเหตุใหญ่ตอบโต้

จากคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจ ต่อเนื่องมาถึงวางระเบิดรถไฟ นำมาสู่ความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน








Advertisement

ตลอด 8 ปี ภายใต้การบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้นโยบายการทหารอย่างเข้มข้น เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ แต่ความรุนแรงยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย

นอกจากนี้ยังอ้างถึงการพัฒนา ก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เช่น นิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา ซึ่งมีกระแสคัดค้านต่อต้าน เพราะไม่สอดคล้องกับวิถีผู้คนในพื้นที่ หวั่นเกรงจะกลายเป็นอีกเงื่อนไขขัดแย้งไม่สิ้นสุด

เช่นเดียวกับการพูดคุยเจรจาฝ่ายผู้เห็นต่างที่ก่อนหน้านี้มีความคืบหน้า พอหลังรัฐประหาร 2557 ถูกล้มเลิกไป แม้รัฐบาลอ้างยังคงพูดคุยกันอยู่ แต่ก็เป็นไปอย่างปิดลับ

เหตุระเบิดรุนแรงใหญ่ 2-3 ลูกล่าสุด ยังเป็นเครื่องตอกย้ำถึงนโยบายแก้ไฟใต้ที่ยังผิดทิศผิดทาง และไม่คืบหน้า

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน