‘ปศุสัตว์’ เผยปี 2566 ผลผลิตหมูสูงสุด 18 ล้านตัว ชี้ราคายังแพงต่อเนื่องโดยคาดว่าราคา หน้าฟาร์มทรงตัวที่กิโลละ 96 บาท ชี้ปัจจัยเสี่ยงต้นทุนสูงแต่ถูกพาณิชย์คุมราคาบีบเกษตรกรเลิกเลี้ยง

น.สพ.สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากการประเมินภาวะเศรษฐกิจการเกษตร (จีดีพีภาคเกษตร) ปี 2565 ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พบว่าสาขาปศุสัตว์ติดลบ 3% นั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงซึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตลดลง เนื่องจากปริมาณแม่พันธุ์สุกรในระบบลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (เอเอสเอฟ) อีกทั้งเกษตรกรบางส่วนมีการชะลอเลี้ยงจากราคาพันธุ์สุกรและอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงมีความกังวลในเรื่องของมาตรการควบคุมราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์

“มั่นใจว่าในปี 2566 ราคาสุกรจะปรับตัวดีขึ้น เกษตรกรเริ่มมีการลงเลี้ยงใหม่แล้ว และภาพรวมราคาหมูในปีหน้ายังแพงต่อเนื่อง ส่วนการคาดการณ์ผลผลิตสุกรในปี 2566 คาดว่าตลอดทั้งปีจะมีจำนวนประมาณ 16-18 ล้านตัว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีจำนวนสุกรอยู่ที่ 15.5 ล้านตัว ซึ่งในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็น การบริโภคในประเทศประมาณ 80-90% ที่เหลือเป็นในส่วนของการ ส่งออกในรูปแบบเนื้อแปรรูปไปยังต่างประเทศ อาทิ ส่งเนื้อปรุงสุกไปที่ญี่ปุ่น และส่งเนื้อดิบไปที่ฮ่องกง ส่วนราคาหน้าฟาร์มคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 96 บาทต่อกิโลกรัม (ก.ก.)”

น.สพ.สมชวนกล่าวว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงในปี 2566 ส่วนใหญ่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องมาจากปี 2565 อาทิ เรื่องราคาวัตถุดิบที่ยังทรงตัวสูง โรคระบาดในสุกร แม้เกษตรกรเริ่มมีการปรับตัวให้สามารถอยู่ได้บนความเสี่ยงของโรคเอเอสเอฟแล้ว แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศที่เป็นอีกตัวแปรสำคัญที่ส่งผลให้ราคาสุกรผันผวน และไม่เป็นไปตามกลไกตลาด

ส่วนของการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนตลอดทั้งปี 2565 มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 29 คดี จำนวนของกลางประมาณ 1.7 ล้านกิโลกรัม มูลค่าประมาณ 123 ล้านบาท เป็นการลักลอบนำเข้ามาจากประเทศบราซิลมากที่สุด ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าแบบกองทับมดทยอยทำเข้าโดยแฝงมากับสินค้าอื่น ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการจับกุมได้ที่ ห้องเย็น ซึ่งเบื้องต้นได้ส่งสัญญาณไปแล้ว และเตรียมหารือในการส่งของกลางกลับไปยังประเทศต้นทางต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน