พัฒนาการแวดวงแฟชั่นไม่เคยหยุดยิ่งปี 2023 เทรนด์แต่งตัวจะไปแนวไหน สะท้อนสภาพสังคมอย่างไร มีความเห็นของกูรูในวงการ
ขนิษฐา ดรุณเนตร ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ CANITT กล่าวว่า ปีหน้าความเป็น ตัวเองน่าจะกลับมา ไม่จำกัดสไตล์ ไม่ต้องตามแฟชั่นจ๋า อย่างบางคนแต่งวินเทจ เมื่อก่อนก็จะมองว่าเชย แต่งเป็นครูระเบียบ แต่ยุคนี้ แต่งแล้วเก๋
ทุกคนอยากมีคาแร็กเตอร์และปัจุบันได้เปรียบเพราะสื่อกว้าง สื่อความเป็นตัวเองได้ เป็นการเคารพการแต่งตัวแล้วแต่ความสบายใจ แต่ต้องให้ถูกกาลเทศะ ยุคนี้ไม่ต้องซื้อของแพง ไม่จำเป็นต้องแบรนด์ทั้งตัว หยิบสไตล์ของแพงของถูก มาแมตช์ให้เป็นสไตล์เรา ของยูนีกสวยๆ แฮนด์เมด แมตช์ดีๆ ก็สวย
แนวหลุดโลก แฟชั่นจ๋าจะมีราว 15 เปอร์เซ็นต์ แต่โดยรวมยังอยู่ในพื้นฐานความเข้าใจว่าสวย ไม่ดูยากหรือซับซ้อนเกิน เดินดินใส่ได้จริง ซื้อมาแล้วคุ้มค่า
แนวมินิมอลยังยู่ แต่จะมีสีสันมากกว่าปีที่ผ่านมา เทรนด์สีคัลเลอร์ฟูล สีนีออน พาสเทลแบบผสมผสาน สีเขียวมะนาว ม่วงแอปริคอต ส้ม สีที่ทำให้รู้สึกสดชื่น คนจะแต่งตัวให้ดูสนุกขึ้น เริ่มใส่เสื้อผ้าแบบจับคู่สีมากขึ้น กล้าใส่รองเท้า ถือกระเป๋าที่มีสีสันมากขึ้น
ในส่วน CANITT ก็ปรับตามเทรนด์ เพิ่มความสนุกสนาน แต่ยังคงยึดดีเอ็นเอของแบรนด์ด้วยการยืนพื้นสีครีม ไอวารี นู้ด บราวนี่ อย่างคอลเล็กชั่น URBANITE จะมีความเป็นมินิมอลผสม จากเมื่อก่อนเป็นเฟมินิสม์
ออม ดิษยา สรไกรกิติกูล ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ DISAYA กล่าวว่า ปี 2023 คนจะกลับมาสนุกกับการแต่งตัวมากขึ้น และกลับมาใช้ชีวิตด้วยการออกเที่ยว แฟชั่นโทนสีสดใสแบบคัลเลอร์ฟูลจะมาแรง เพราะ ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติทั้งการทำงาน ไปท่องเที่ยวต่างประเทศ จึงคิดว่าโทนสีสันสดใส เช่น เหลือง ชมพู เขียว น่าจะมาแรง แต่ยังใช้ลวดลายธรรมชาติ
ส่วนรูปแบบจะมีรายละเอียดของ แพตเทิร์นต่างๆ มากกว่า ปีที่ผ่านมา ด้วยดีไซน์ที่ หลากหลายมากขึ้น ทั้งแนวเซ็กซี่ เรียบหรู หรือสไตล์โก้เท่ จากเดิมที่เสื้อยืด ชุดวอร์มได้รับความนิยม
แฟชั่น DISAYA ที่จะได้เห็นกันในปี 2023 เน้นดีเทลหรูหรา ลายดอกไม้ งานปักและเทคนิคต่างๆ และโทนสีสดใส พาสเทล ในดีไซน์ใหม่ๆ และช่วงโควิดที่ผ่านมาได้สร้างแบรนด์ลูก Disaya Vacationist เน้นแฟชั่นใส่ไปเวเคชั่นตามสถานที่ต่างๆ ที่ไม่จำกัดแค่การหยุดพักอีกต่อไป แต่เป็นการหาจุดหมายการท่องเที่ยวใหม่ๆ ไม่ซ้ำใคร โดยมีแรงบันดาลใจจากงานคราฟต์ท้องถิ่นมาต่อยอดเป็น ลายพิมพ์ สีสันต่างๆ ในแบบ DISAYA
แองจี้ แอนเจลิส บาเลก ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ AB. Angelys Balek กล่าวว่า ปี 2022 ผู้คนได้ปลดปล่อยหลังโควิดเริ่มดีขึ้น แฟชั่นจึงเป็นทั้งสไตล์สบายๆ กึ่งๆ อยู่บ้าน และออกแนวสุดโต่งเซ็กซี่มากๆ เข้าปี 2023 ทุกอย่างเริ่มลงล็อก
แฟชั่นจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เล่นกับความเหนือจินตนาการ ชุดอลังการ กับกลุ่มแฟชั่นที่ใส่ ได้จริง ซึ่งจะลดทอนความเซ็กซี่ลง เสื้อผ้าจะมีซิลูเอตที่ละเอียด ดีเทลเยอะขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น แพตเทิร์นต่างๆ จะสอดคล้องกับการกลับมาใช้ชีวิตปกติ
การแมตช์แอ๊กเซสเซอรี่โทนสีทอง เงิน ชิ้นใหญ่ๆ น่าจะกลับมาได้รับความนิยม โทนสีจะมาแนวสดใสขึ้น เพราะคนกลับมาใช้ชีวิต ชมพูก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่
ส่วนคอลเล็กชั่นใหม่จาก AB. ในปี 2023 จะเล่นกับความอสมมาตร ความไม่สมบูรณ์แบบ โทนสีสดใสแต่ไม่ร้อนแรง และการนำสีที่ต่างกันสุดขั้วมาเล่นให้เกิดมุมมองใหม่ๆ ครึ่งปีแรกของ 2023 ลวดลายจะยังคงอยู่กับท้องทะเล หาดทราย ซีซั่น 2023 จะเห็นพัฒนาการของชุด Kaftan เสื้อคลุมหลวมๆ ตัวยาว ให้สาวๆ สนุกกับทริปท่องเที่ยว
หลังผ่านโควิดไอเท็มแฟชั่นที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ของตนเอง เหมือน AB. ที่การออกแบบมีเป้าหมายเป็นชุดว่ายน้ำที่ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำ แต่ใส่ได้ทุกกิจกรรม ใส่เป็นบอดี้สูท เสื้อคร็อป แมตช์กับกางเกง กระโปรง
ฌอน ชวนล ไคสิริ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ แบรนด์ POEM กล่าวว่า ปี 2023 เสื้อผ้าจะไม่เฉพาะเจาะจง เทรนด์สีก็ไม่มี แต่ตลาดลักชัวรี่อาจเล่นสีเขียว ชมพู ซึ่งเป็นมาร์เก็ตติ้งเพราะสร้างภาพจำได้ดีและง่ายกว่ารูปทรง แต่ที่เห็นชัดจะเป็นเทรนด์แต่งตัวเพื่อการเดินทาง
มิติสังคมไทยช่วงโพสต์โควิด เป็นยุคตื่นรู้ การตกตะกอนความคิด การ เคลื่อนไหวด้านความเท่าเทียม ดังนั้นปีหน้าเป็นช่วงที่แนวความคิดนี้เริ่มเป็นรูปร่าง และถ่ายทอดออกมาหลายผลงานจึงสะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับสังคม การแสดงออกเรื่องการเมือง อาจหยิบสีของพรรคการเมืองมาเล่น
มีการนำเสนอมุมมองความงามแบบเสรีนิยม ความหลากหลาย ทางเพศ และรูปร่างกายภาพ การออกแบบเสื้อผ้าที่ไม่ได้คำนึงถึง แค่สาวสูง หุ่นเพรียวเท่านั้น มุมมองเรื่องความงามจะเสรี ทุกคนเข้าใจตัวเอง เคารพในตัวเองทำให้มั่นใจ มีความสุข
งานดีไซน์ของ POEM จะมีส่วนสร้างความเคลื่อนไหวให้สังคม เราไม่ได้ทำของออกมาขายอย่างเดียว แต่ส่วนตัวคิดว่าเราต้องมีส่วนขับเคลื่อนสังคมไปทางที่ดีขึ้น
หลังยุคโพสต์โควิดทุกคนต้องรู้จัก ตัวเอง มีต้นทุน รูปร่าง สีผิวอย่างไร มีความงามในแบบตัวเอง เมื่อเราเข้าใจก็เริ่มมั่นใจ มีความสุขกับสิ่งที่เป็น บางคนนิยมใส่แบรนด์เนมเป็นยูนิฟอร์มของคนมีเงิน ฝากคุณค่าความเป็นมนุษย์ไว้ที่กระเป๋าถือซึ่งไม่ถูกต้อง อย่าลืมว่าแบรนด์เนมไม่เท่ากับสไตล์