ประเทศไทยประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยปรับลดความรุนแรงลงเป็นโรคประจำถิ่น ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

ขณะเดียวกัน การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ก็พบว่ามีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว จำนวน 138,092,685 โดส จากจำนวนประชากร 56,787,586 คน โดยมีผู้ฉีดแล้ว 3 เข็ม จำนวน 24,965,157 คน คิดเป็น 37.8% ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ

พร้อมกันนี้ ยังได้เชิญชวนผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบจำนวนเข็ม หรือยังไม่ได้รับการฉีดเข็มกระตุ้น ให้ไปรับบริการที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้ตามเวลาราชการ

โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ซึ่งกลุ่มบุคคลที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนมากที่สุด ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ป่วยด้วยโรค 7 ประเภท รวมถึงสตรีมีครรภ์ด้วย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขที่รับผิดชอบ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ในประเทศยังคงปรับตัวลดลงโดยลำดับ

ระหว่างวันที่ 15-21 ม.ค.2566 สัปดาห์ที่ 3 ของปี 2566 พบว่า มีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 627 ราย เฉลี่ยเพียงวันละ 90 รายเท่านั้น ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า (วันที่ 8-14 ม.ค.2566) ที่มีผู้ป่วยใหม่ 969 คน เฉลี่ยวันละ 138 คน

ขณะที่ผู้เสียชีวิตตลอดสัปดาห์อยู่ที่ 44 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เสียชีวิต 65 รายเช่นเดียวกัน คาดว่าสถานการณ์การติดเชื้อ การเจ็บป่วย รวมถึงการเสียชีวิตจะลดจำนวนลงอีก

ทั้งหมดนี้ มาจากการได้รับวัคซีนครบจำนวนที่ควรได้รับ รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรการ การควบคุมโรค ซึ่งประชาชนต่างมีความคุ้นชินและปฏิบัติตามตลอดจนดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเฝ้าติดตามสายพันธุ์ของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ระบุว่าสายพันธุ์ที่พบและยังระบาดในประเทศไทยขณะนี้ ร้อยละ 86 คือสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 ส่วนที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ

ช่วงนี้ประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้ ทำให้บางฝ่ายกังวลว่าอาจจะมีเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อื่นๆ ที่ร่างกายไม่มีภูมีคุ้มกันมาแพร่ต่อได้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาจากแหล่งแพร่ระบาด

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดข้อมูลล่าสุดว่า ตั้งแต่วันที่ 1-21 ม.ค.2566 มีต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 1,342,365 คน โดย 5 อันดับแรกได้แก่ รัสเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย และลาว ตามลำดับ

คาดว่าเร็วๆ นี้ จะมีนักท่องเที่ยวประเทศจีนเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะต้องเฝ้าระวังและมีมาตรการ คัดกรอง โดยคำนึงความเท่าเทียม มีความสมดุล และไม่ให้มีผลกระทบอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน