การออกเดินสายพบปะประชาชนของบรรดาผู้นำพรรคการเมืองต่างๆ ในช่วงที่การเลือกตั้งใกล้ จะมาถึง ต้องนับว่าคนที่โดดเด่นและได้รับการพูดถึงมากที่สุดรายหนึ่ง

คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนี้

เนื่องจากการปรับตัวปรับภาพพจน์อย่างชัดเจน รวมทั้งประกาศปรับความคิดอุดมการณ์ใหม่

ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นการแต่งกาย ใส่กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เสื้อแจ๊กเกตแนวทันสมัย

พร้อมกับปรับตัว เป็นคนติดดิน เดินพบปะผู้คน นั่งทานอาหารร้านในย่านพลุกพล่าน ใกล้ชิดชาวบ้าน

สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยง่ายดาย ไม่วาง มาดเป็นนายพลเอกมากอำนาจ!

เป็นการปรับตัวของบิ๊กป้อม เมื่อเปลี่ยนบทบาทจากคนที่เคยเป็นพี่ใหญ่โอบอุ้มพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มา 8-9 ปี

เมื่อถึงจุดแยกกันเดิน ทำให้พล.อ.ประวิตร ออกหน้าเป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้นายกฯ เต็มตัว

ดูจะมีเสียงต้อนรับบิ๊กป้อมจากชาวบ้านมากมาย เสียงเชียร์ให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 อื้ออึงไปทั่ว

มีผู้วิเคราะห์ว่า เพราะการโชว์ตัวเอง อย่างแตกต่างกับพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่คนแข็งกร้าวอวดอ้างอำนาจ

กลายเป็นจุดเด่น ทำให้บิ๊กป้อมเป็นคนดูดีมีเสน่ห์เข้าตาประชาชน!

จะเปลี่ยนการปรับเปลี่ยนตัว ที่มาจากส่วนลึกจริงๆ หรือเพราะทีมงานเบื้องหลัง

นั่นก็ต้องดูกันยาวๆ ต่อไป

แต่อย่างน้อยก็เป็นการยอมรับว่า ถึงเวลาต้องเปลี่ยน นี่ไม่ใช่ยุคนายพลเอกแข็งกร้าวอีกแล้ว!!

ที่สำคัญพล.อ.ประวิตร ได้แสดงจุดยืนความคิด ผ่านโซเชี่ยลอย่างชัดแจ้ง มองสังคมและจุดยืน ระหว่างขั้วอนุรักษนิยมและขั้วเสรีนิยม

ระหว่างอำนาจรัฐประหารกับการเมืองประชา ธิปไตยผ่านนักการเมืองและการเลือกตั้ง

ยอมรับว่า สังคมไทยวันนี้ ต้องเป็นประชาธิปไตยเท่านั้น จึงจะก้าวไปข้างหน้าได้

พร้อมทั้งประกาศก้าวข้ามความขัดแย้ง แสดงตัวตนที่แตกต่างจากขั้วฝ่ายขวาในอดีต

ขอเป็นพรรคตรงกลางที่สามารถจับมือได้ทุกขั้วหลังเลือกตั้ง

โดยแอบมีไพ่ลับไว้ต่อรอง คือส.ว.ครึ่งสภาและ สายสัมพันธ์กับกองทัพ

พูดอย่างถึงที่สุดแล้ว มองการปรับตัวของ บิ๊กป้อม คือภาพสะท้อนว่า หมดเวลาแล้วสำหรับยุคนายพลเอียงขวานั่นเอง!!

วงค์ ตาวัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน