กล่าวกันว่า ผลสำรวจโพลเป็นแค่ตัวชี้วัด แต่ไม่ใช่ตัวชี้ขาด

จากกรณีล่าสุด “สวนดุสิตโพล” สำรวจความคิดเห็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ หัวข้อ “คนไทยนิยมพรรคการเมืองใด” จากกลุ่มตัวอย่าง 10,614 คน ระหว่าง 1-17 มีนาคม พบว่า

พรรคที่คนไทยนิยมเป็นอันดับ 1 คือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 46.16 รองลงมาคือ พรรคก้าวไกล ร้อยละ 15.43 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 11.12 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 8.73 และพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 7.71

เมื่อจำแนกตามอายุ กลุ่มอายุ 18-30 ปี นิยมพรรคก้าวไกลมากที่สุด ร้อยละ 37.85 ส่วนกลุ่มอายุอื่นๆ นิยมพรรคเพื่อไทยมากที่สุด เมื่อจำแนกตามภูมิภาค พบว่า กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิยมพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ส่วนภาคใต้นิยมพรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด ร้อยละ 24.71 ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 21.72

สอดรับผลสำรวจ “นิด้าโพล” เรื่อง “ศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 1” สำรวจระหว่าง 2-8 มีนาคม จากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 2,000 หน่วยตัวอย่าง พบว่า บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้

อันดับ 1 ร้อยละ 38.20 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 15.75 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 15.65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรครวมไทยสร้างชาติ

สำหรับพรรคที่จะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต อันดับ 1 ร้อยละ 49.75 ระบุ พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 17.40 พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 11.75 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ

ส่วนพรรคที่จะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อันดับ 1 ร้อยละ 49.85 ระบุ พรรค เพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 17.15 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 12.15 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ








Advertisement

ผลสำรวจโพล 2 สำนักบ่งชี้ไปในทิศทางเดียวกัน กระแสพรรคเพื่อไทยแรงต่อเนื่อง ได้รับการตอบรับจากคนแทบทุกกลุ่มช่วงอายุ แม้กลุ่มอายุ 18-30 ปี จะนิยมพรรคก้าวไกลมากที่สุด แต่รองลงมาก็ยังเป็นพรรคเพื่อไทย

ส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแคมเปญ “แลนด์สไลด์” กำลังเห็นผลจากการที่คนส่วนมากต้องการเปลี่ยนแปลง และ วิธีการที่จะมีเสียงข้างมากในสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ คือต้องรวมกันให้ได้มากกว่าเสียงของอีกฝ่ายบวก 250 ส.ว.

อย่างไรก็ตามพรรคที่เป็นตัวเต็งคงต้องทำงานหนักกว่านี้หากต้องการชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

เพราะเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งจริง ผลอาจไม่เป็นอย่างที่โพลชี้เอาไว้ ดังที่รู้กันว่าฝ่ายผู้กุมอำนาจ มักจะใช้กลไกอำนาจรัฐ กลไกองค์กรอิสระ เพื่อแทรกแซงผลการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่ประชาชนจะต้องช่วยกันจับตามองให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน