ครม.รับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลัง ปี 2565 เผยหนี้สาธารณะพุ่ง 10.37 ล้านล้านบาท คิดเป็น 60.41% ต่อจีดีพี ขณะที่เงินคงคลังยังสูงต่อเนื่องแตะ 6.24 แสนล้านบาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 มี.ค. 2566 มีมติรับทราบรายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ 2565 สำหรับสถานการณ์และ แนวโน้มความเสี่ยงด้านรายได้ มีผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในปีงบประมาณ 2565 มีจำนวน 2,531,656 ล้านบาท ขยายตัว 6.57% จากปีก่อน แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
ส่วนด้านรายจ่ายวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 มีจำนวน 3.1 ล้านล้านบาท ปรับตัวลดลง 5.66% จากปีก่อน ขณะที่รายจ่ายที่ลดทอนยาก เพิ่มขึ้นเป็น 66.72% สาเหตุสำคัญมาจากงบประมาณ รายจ่ายประจำปีที่ปรับตัวลดลง และการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายเพื่อชำระหนี้และภาระผูกพันจากการดำเนินนโยบายในอดีต และรายจ่ายสวัสดิการบุคลากรภาครัฐ ส่งผลรายจ่ายลงทุนลดลงอยู่ที่ 19.74% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
สำหรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่อง ระดับเงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ 2565 มีจำนวน 624,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จากการเกินดุลเงินสดของภาคงบประมาณเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ระดับเงินคงคลังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจาก ณ สิ้นปีงบประมาณ 2562 สะท้อนถึงสภาพคล่องการ เบิกจ่ายงบประมาณที่ยังคงอยู่ในระดับบริหารจัดการได้
ส่วนสถานการณ์และแนวโน้มความเสี่ยงด้านหนี้ นั้นพบว่าระดับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2565 มีจำนวน 10,373,937.59 ล้านบาท คิดเป็น 60.41% ต่อ GDP เพิ่มขึ้นจากการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัวในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา
ขณะที่ผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในปีบัญชี 2565 พบว่า ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงต่ำกว่าก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เงินนำส่งรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมลดลง โดยสาเหตุสำคัญมาจากรัฐวิสาหกิจกลุ่มไฟฟ้าที่ได้รับ ผลกระทบจากมาตรการตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการและประชาชน ส่วนฐานะการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และธนาคารพาณิชย์ในภาพรวมอยู่ในระดับแข็งแกร่ง
“การก่อหนี้กว่า 70% ยังเป็นหนี้เพื่อการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งบางประเทศยังนำแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลเป็นโมเดลในการพัฒนาประเทศด้วย”