เพราะอยากลองอะไรใหม่ๆ พระเอกหนุ่มสุดแนว ‘เจเจ’ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม เลยตัดสินใจรับเล่นหนัง “แสงกระสือ 2” รับบท ‘คล้าว’ ที่เป็นโรคผิวเผือก ร่วมแสดงกับนักแสดงมากฝีมือ อาทิ ‘นิ้ง’ ชัญญา แม็คคลอรี่ย์, ‘น้อย’ กฤษดา สุโกศล แคลปป์, ‘ปีเตอร์’ นพชัย ชัยนาม ฯลฯ

โดยวันนี้เจ้าตัวมาพูดคุยถึงบทบาทการแสดงในหนังเรื่องดังกล่าว รวมถึงอัพเดตงานที่ทำในตอนนี้ และความรักที่คบกับแฟนสาว ‘ต้าเหนิง’ กัญญาวีร์ สองเมือง

◆ บทบาทใน “แสงกระสือ 2” เป็นอย่างไร?
เจเจ – “ผมรับบท คล้าว เป็นคนที่มีความผิดปกติทางยีน เป็นโรคผิวเผือก ขาวทั้งตัว เกิดมาผิดปกติก็เลยถูกรับเลี้ยงโดยบาทหลวง ในยุคนั้นจะถูกกีดกันจากสังคม จะไม่มีเพื่อน ด้วยผิวเผือกก็เหมือนจะออกไปข้างนอก ไม่ได้ พอมาเจอ สาว ที่แสดงโดยพี่นิ้ง ชัญญา รู้ถึงความไม่ปกติของกันทั้งคู่ก็เลยทำให้สนิทกันเร็ว ความสัมพันธ์ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ”

◆ ถูกใจอะไรในบทนี้ถึงรับเล่น?
เจเจ – “ผมติดตามแสงกระสือภาคแรก อยู่แล้ว และด้วยตัวบทค่อนข้างต่างกับผมมากๆ เลยอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดู เรื่องนี้ผมต้อง บล็อกอัพจริง ซึ่งกว่าจะได้คล้าวในแต่ละฉาก ต้องลงผิว 3 ชั่วโมง คือผมย้อมผมย้อมคิ้วจริง แต่ปัญหาคือเวลาที่โคนผมขึ้นจะเห็นชัดมาก เพราะฉะนั้นนอกจากงานลงผิวก็จะต้องมีอะไรมาฉีดโคนผมโคนคิ้วแล้วก็ฉีดขนตาด้วย”

“คาแร็กเตอร์เรื่องนี้ค่อนข้างไกลตัวจึงค่อนข้างยากต่อการเข้าถึง เพราะเรื่องนี้มีองค์ประกอบเยอะ มีเล่นกับ 4G แอ๊กชั่นด้วย แล้วโลเกชั่นก็ค่อนข้างยาก ถ่ายในป่าประมาณ 80% อีก 20% ถ่ายที่เชียงใหม่ ใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 3 เดือน”

◆ มีฉากไหนที่ชอบเป็นพิเศษ?
เจเจ – “น่าจะเป็นฉากบู๊ เพราะเรื่องนี้จะเป็นฉากบู๊ที่เป็นไคลแม็กซ์ของเรื่อง ตอนถ่ายได้ทำเป็น 4G หมดเลย รู้สึกอยากดูซีนนั้น น่าจะออกมาดี แล้ว ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้อยู่ในเรื่องนี้แล้วรายล้อมไปด้วยนักแสดงที่เก่ง ทุกคนเลย พี่นิ้ง พี่น้อย พี่ปีเตอร์ ทุกคนเล่นกันแบบใส่เต็มทำให้เราต้องทำให้ได้ให้พอๆ กับเขา”

◆ ตอนนี้เราทำอะไรอยู่บ้าง?
เจเจ – “หลักๆ ก็บริษัท QOW Entertainment ที่ทำร่วมกับ ต้าเหนิง(กัญญาวีร์) แล้วก็พี่วุธ(อนุวัฒน์ วิเชียรณรัตน์) 4NOLOGUE เป็นโปรดิวเซอร์ ดูแลศิลปิน เอเยนซี่ ทำโปรดักชั่น แล้วก็มี งานส่วนตัว หลายคนอาจมองว่าโตเร็ว แต่สำหรับผมไม่นะ เป็นเพราะผมเริ่มทำงานเร็วมากกว่า ผมยังจำวันที่เข้ามาในเส้นทางวงการบันเทิงได้ รู้สึกโชคดี พอผู้ใหญ่หยิบยื่นโอกาส เรารับโอกาสเหล่านั้นแล้วก็ ทำให้เต็มที่ สิ่งเหล่านั้นมันเลยต่อยอดผมมาถึงทุกวันนี้”

◆ ได้ตั้งเป้าไว้อย่างไรสำหรับเส้นทางนี้?
เจเจ – “ไม่ได้ตั้งเป้า คงทำไปเรื่อยๆ เพราะย้อนไปวันแรกก็ไม่คิดว่าจะมาถึงขนาดทุกวันนี้ จำได้ว่าเล่นหนังเรื่องแรก คิดว่าเล่นจบคงกลับไปอยู่เชียงใหม่แล้วคงไม่มีงานแล้ว แต่มันไหลมาเรื่อยๆ ครับ”

◆ ช่วงนี้มีงานทั้งในและต่างประเทศเยอะ?
เจเจ – “ก็เพิ่งปีนี้ มันเหมือนว่าพอเราได้ออกไปทำงานต่างประเทศเยอะ แล้วผมกับต้าเหนิงเป็นคนที่จอย ก็เลยมีคนรู้จักค่อนข้างจะเยอะในหลายๆ ประเทศ ก็สนุกดีครับ พอได้ไปเจอเพื่อนใหม่ๆ ได้คุยก็เหมือนการซึมซับเขาอีกทีนึง”

◆ เรียกว่าลักกี้อินเกมและลักกี้อินเลิฟ มีเรื่องทุกข์บ้างไหมในชีวิต?
เจเจ – “เรื่องความรักที่ทุกคนเห็นดูรักกันนาน แต่ระหว่างทางปัญหาค่อนข้างเยอะ ผมกับต้าเหนิงก็เหมือน ทุกคู่มีปัญหากันอยู่แล้ว แต่เราแค่ค่อยๆ แก้ค่อยๆ คุยกันไป”

◆ แต่สิ่งหนึ่งที่เราเคยเห็นเจเจบอกผ่านสื่อว่าผมไม่มีวันเลิก กับเขา?
เจเจ – “ผมหวังว่าจะเป็นอย่างงั้นครับ จริงๆ พอไปดูสัมภาษณ์อันนั้นก็ตลกตัวเองเหมือนกัน คือเราก็ไม่ได้อยากเลิก แต่เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง ก็หวังว่า”

◆ เป็นคนคูลคูลกันทั้งคู่ อยากรู้ว่าเวลาอยู่กันสองต่อสองหวานไหม?
เจเจ – “ไม่ค่อยครับ จะไปทาง คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เด๋อเด๋อ ตลกๆ แต่ลุกส์ข้างนอกคีพคูลครับ เก๊ก (หัวเราะ)”

◆ ในหัวมีภาพอนาคตร่วมกันบ้างไหม?
เจเจ – “คิดครับ แต่คือหลังๆ เราค่อนข้างโฟกัสกันที่ปัจจุบัน พอโตขึ้นเรื่อยๆ เราจะเริ่มเห็นว่าชีวิตมันจะมีทางไปได้แหละ แต่เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อะไรที่พลาดก็ค่อยๆ แก้ไปมากกว่าจะไปวางอนาคตว่าเราต้องแต่งงานแน่นอน”

◆ มีหลายคนยกให้เราเป็น ไอดอล?
เจเจ – “ขอบคุณครับ สมมติมี คนมองผมว่าเป็นไอดอลหรือชื่นชอบผม โอเคชื่นชอบได้ แต่อย่าเอาตัวเองเปรียบเทียบกับผม อย่าเอาตัวผมไปเปรียบเทียบกับ ตัวเอง ผมรู้สึกว่าในยุคนี้เราควรจะมีความเป็นตัวของตัวเอง ถ้าชอบผมก็หยิบจับแล้ว เอาไปพัฒนาเป็นของตัวเองได้ก็จะดีมากๆ ครับ”

อชริญา บุญชู

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน